แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า... การถูกใส่ร้ายป้ายสีนั้น หาใช่มีเพียงเราท่านปถุชน..
ลองมาดูวิถีปฏิบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากพระไตรปิฏกด้วยกันดีกว่าค่ะ (จุ๊ จุ๊... ห้ามล้อว่าเป็นแม่ชีหละ แหม.. ก็ดูรายการช่องธรรมะเป็นเหมือนกันหนิ.. ) วิธีการตอบโต้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อพระองค์และหมู่สงฆ์ถูกใส่ร้ายป้ายสีสมัยครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์กับคณะสงฆ์ก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีมาแล้วจ้ะเป็นเคสของ ?นางสุนทรีปริพาชิกา? หลังจากเธอรับแผนการงานทำลายพระศาสนา
จากอัญเดียรถีย์ปริพาชก(นักบวชต่างศาสนา) มาทำแล้ว เธอถูกซ้อนแผนโดยถูกฆ่าปิดปาก
แล้วป้ายสีสร้างข่าวใส่ความมาที่พระศาสดากับคณะสงฆ์ โดยโพทะนาว่า
?ท่านทั้งหลาย เชิญดูการกระทำของพวกสมณะเชื้อสายศากยบุตรเถิด
พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ไม่มียางอาย ทุศีล มีธรรมเลวทราม กล่าวเท็จ
ไม่ประพฤติพรหมจรรย์... ความเป็นสมณะของพระเหล่านี้เสื่อมสิ้นไปแล้ว...
ความเป็นสมณะของพระเหล่านี้จะมีแต่ที่ไหน... พระเหล่าเหล่านี้ปราศจากความเป็นสมณะ
ทำไมเป็นชายจึงข่มขืนผู้หญิงแล้วฆ่าเสียเล่า? สมัยนั้น คนทั้งหลายในกรุงสาวัตถีเห็นภิกษุทั้งหลายแล้ว ด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด
เบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ใช่ของสัตบุรุษ
เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงพระผู้มีพระภาคแล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า?ภิกษุทั้งหลาย เสียง(โจษ)นั้นจักมีไม่นาน จักมีเพียง ๗ วันเท่านั้น ครั้นพ้น ๗ วันจักหายไป
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงกล่าวตอบกับบุคคลทั้งหลายที่เห็นภิกษุแล้วด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด
เบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ใช่ของสัตบุรุษ ด้วยคาถานี้ว่าอภูตวาที นิรย อุเปติ
โย วาปิ กตฺวา น กโรมีติ จาห
อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ
นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถาติ ฯ
?คนที่ชอบกล่าวคำไม่จริง หรือคนที่ทำความชั่วแล้วกล่าวว่า ?ฉันไม่ได้ทำ? ต่างก็ตกนรก
คน ๒ จำพวกนั้น ต่างก็มีกรรมชั่ว ตายไปแล้ว มีคติเท่าเทียมกันในโลกหน้า?ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายเรียนคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคแล้ว
กล่าวตอบคนทั้งหลายที่เห็นภิกษุแล้ว ด่า บริภาษ เกรี้ยวกราด
เบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคายที่ไม่ใช่ของสัตบุรุษ
ด้วยคาถานี้ว่า?คนที่ชอบกล่าวคำไม่จริง หรือคนที่ทำความชั่วแล้วกล่าวว่า ?ฉันไม่ได้ทำ? ต่างก็ตกนรก
คน ๒ จำพวกนั้น ต่างก็มีกรรมชั่ว ตายไปแล้ว มีคติเท่าเทียมกันในโลกหน้า? คนทั้งหลาย (เมื่อได้ฟังการตอบโต้อย่างผู้มีปัญญาแล้ว) ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า?พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ คงไม่ได้ทำความผิด
พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ คงไม่ได้ทำบาป
พระสมณะเชื้อสายศากยบุตร จึงกล่าวสบถเช่นนั้น?
เสียง(โจษ)นั้นได้มีอยู่ไม่นาน เสียง(โจษ)ได้มีอยู่เพียง ๗ วันเท่านั้น ครั้นพ้น ๗ วันก็หายไป
เมื่อพระพระผู้มีพระภาคทรงทราบแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่าตุทนฺติ วาจาย ชนา อสฺตา
ปเรหิ สงฺคามคตว กฺุชร
สุตฺวาน วากฺย ผรุส อุทีริต
อธิวาสเย ภิกฺขุ อทุฏฺจิตฺโตติ ฯ
คนทั้งหลายผู้ไม่สำรวม ชอบกล่าวทิ่มแทงผู้อื่นด้วยวาจา
เหมือนทหารข้าศึกทิ่มแทงช้างที่ออกศึก ด้วยลูกศรฉะนั้น
ภิกษุผู้มีจิตไม่คิดประทุษร้าย ฟังคำหยาบคาย
ที่คนพาลกล่าวแล้ว พึงอดกลั้นไว้ได้อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก(มจร.แปล) เล่มที่ 25 ข้อที่ 38 หน้าที่ 246-250.
รายการจากจานดาวธรรม DMC ศูนย์ดาวธรรมทั่วโลก
cho talk: ฟังมาถึงบรรทัดนี้... ไม่น่าเชื่อว่า พระสงฆ์องค์เจ้าที่ศรัทธาของปวงชนชาวไทย
ยังไม่วายที่จะถุกใส่ร้ายป้ายสีเรื่องไม่เป็นเรื่องจากผู้ไม่หวังดีได้
ตรงนี้...เราก็ได้ทราบถึงวิธีการตอบโต้แบบผู้มีปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว...
ให้แง่คิดที่ว่า.. นิ่งเฉยเสียทีเดียว.. ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก... แต่ต้องตอบโต้แบบผู้มีปัญญา.. นั่นคือตอบโต้ด้วยการสอนธรรมะ และแสดงให้เห็นผลพวงแห่งการกระทำดังกล่าว ดังนั้น ผู้ใช้ปัญญาไตร่ตรองเท่านั้นจะคิดได้...
ซักซ้อมความเข้าใจวิถีปฏิบัติ แนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจุดเริ่มต้นเปลี่ยนวิถีปฏิบัติใหม่ให้กับชีวิต..