ผู้เขียน หัวข้อ: พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าของฉายา "จอมขมังเวท-เจ้าพิธีดัง" ตอนที่ 1  (อ่าน 6442 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด


ขุนพันธรักษ์ราชเดช
            พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446-5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549) อดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย ซึ่งท่านมีชื่อเสียงเป็นอันมากในการปราบโจรร้ายในภูมิภาคต่างๆของไทย ในภาคกลางเช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือดำ เสือไหว เสือมเหศวร ที่พัทลุง ปราบ เสือสังหรือเสือพุ่ม ที่นราธิวาส ปราบผู้ร้ายทางการเมือง ในปี พ.ศ. 2481 หัวหน้าโจรชื่อ ?อะเวสะดอตาเละ? จนท่านได้ฉายาว่าจากชาวไทยมุสลิมว่า ?รายอกะจิ? ซึ่งแปลว่า อัศวินพริกขี้หนู จากผลงานที่ท่านสามารถปราบโจร เสือร้ายต่างๆ ได้มากมาย จึงได้รับฉายา ดังต่อไปนี้
-นายพลตำรวจหนังเหนียวผู้จับเสือมือเปล่า
-นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว
-ขุนพันธ์ฯ ดาบแดง (เชื่อกันว่าเป็นดาบที่ตกทอดมาจาก พระยาพิชัยดาบหัก ฝักดาบมีถุงผ้าสีแดงห่อหุ้ม ตัวดาบมีความคมกล้ายิ่งนัก )
-รายอกะจิ (อัศวินพริกขี้หนู) ฯลฯ
-จอมขมังเวทย์
ประวัติ
พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือชื่อเดิมว่า บุตร พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมู่ที่ 5 ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอ้วน นางทองจันทร์ พันธรักษ์ เริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดสวนป่าน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากท่านมีความรู้ในวิชาเลขและหนังสืออยู่แล้วก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ดังนั้นเมื่อเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ได้ 1 วัน ทางโรงเรียนก็เลื่อนชั้นให้เรียนในชั้นประถมปีที่ 2 และวันรุ่งขึ้นก็เลื่อนชั้นให้เรียนชั้นประถมปีที่ 3 เป็นอันว่าท่านเข้าโรงเรียนได้เพียง 3 วัน ได้เลื่อนชั้นถึง 3 ครั้ง
เมื่อครั้งเรียนชั้นประถมปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสวนป่าน มีพระภิกษุอินทร์ รัตนวิจิตร เป็นผู้สอน เรียนอยู่ประมาณ 2 เดือน โรงเรียนนั้นก็ถูกยุบ ท่านจึงเข้าเรียนในชั้นเดิม ที่โรงเรียนวัดพระนคร ตำบลพระเสื้อเมือง (ปัจจุบันคือตำบลในเมือง) อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีครูเพิ่ม ณ นคร เป็นครูประจำชั้น เรียนจบชั้นประถมปีที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2456 ได้เข้าเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดท่าโพธิ์ (โรงเรียนเบจมราชูทิศในปัจจุบัน)
พอเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 ได้ไม่กี่เดือนก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะป่วยเป็นโรคคุดทะราด ต้องพักรักษาตัวปีกว่า เมื่อหายจึงคิดจะกลับมาศึกษาต่อที่โรงเรียนเดิมแต่ปรากฏว่าเพื่อนๆ ที่เคยเรียนด้วยกันเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และปีที่ 3 แล้ว จึงเปลี่ยนใจเดินทางเข้าไปศึกษาที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2459 โดยไปอยู่กับพระปลัดพลับ บุณยเกียรติ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ที่วัดส้มเกลี้ยง (วัดราชผาติการาม) ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร (โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปั้จจุบัน)ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขณะเรียนที่โรงเรียนนี้ท่านได้เรียนวิชามวย ยูโด และยิมนาสติกจากครูหลายคน เช่น ครูย้อย ครูศิริ ครูนก ครูมณี จนมีความชำนาญในเชิงมวย ท่านสอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ในปี พ.ศ. 2467
ต่อมาในปี พ.ศ. 2468 จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม ขณะที่เรียนได้เป็นครูมวยไทยด้วย เรียนอยู่ 5 ปี สำเร็จหลักสูตรในปี พ.ศ. 2472
พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นคนสุดท้ายของประเทศไทยที่ได้รับพระราชทานทินนาม ซึ่งพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช ได้ถึงแก่อนิจกรรมด้ายโรคชรา ในวันที่ 5 เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช 2549 เวลา 23.27 น. ที่บ้านเลขที่ 764/5 ซ.ราชเดช ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
การทำงาน
ในชุดเจ้าพิธีกรรมในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราชหลังจากจบการศึกษาแล้ว ทางราชการได้แต่งตั้งให้ไปรับราชการในตำแหน่งนักเรียนทำการนายร้อย ที่กองบังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครศรีธรรมราช ประจำจังหวัดสงขลา ในปี พ.ศ. 2473 เป็นนักเรียนทำการอยู่ 6 เดือน ได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยตรี
ในปี พ.ศ. 2474 ได้ย้ายมาเป็นผู้บังคับหมวดที่กองเมืองจังหวัดพัทลุง ที่พัทลุงนี่เองท่านได้สร้างเกียรติประวัติในตำแหน่งหน้าที่ จนเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงราชการและคนทั่วไป โดยการปราบปรามผู้ร้ายสำคัญของจังหวัดพัทลุง คือ เสือสัง หรือเสือพุ่ม ซึ่งเป็นเสือร้ายที่แหกคุกมาจากเมืองตรัง ขุนพันธรักษ์ราชเดช เล่าว่า เสือสังนี้มีร่างกายใหญ่โต ดุร้าย และมีอิทธิพลมาก มาอยู่ในความปกครองของกำนันตำบลป่าพยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง นอกจากนั้นแล้วยังมีคนใหญ่คนโตหลายคนให้ความอุ้มชูเสือสัง จึงทำให้เป็นการยากที่จะปราบได้ แต่ท่านก็สามารถปรามเสือสังได้ในปีแรกที่ย้ายมารับราชการ โดยท่านไปปราบร่วมกับ พลตำรวจเผือก ด้วงชู มี นายขี้ครั่ง เหรียญขำ เป็นคนนำทาง การปราบปรามเสือสังครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก ตอนนั้นจเรพระยาศรีสุรเสนา ไปตรวจราชการตำรวจที่พัทลุงพอดี ผู้ปราบเสือสังจึงได้รับความดีความชอบ คือ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีบุตร พันธรักษ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นร้อยตำรวจตรี พลตำรวจเผือก ชูด้วง เป็นสิบตรี และนายขี้ครั่ง ได้รับรางวัล 400 บาท
หลังจากนั้นมาอีก 1 ปี ท่านก็ได้ปราบผู้ร้ายสำคัญอื่นๆ 16 คน เช่น เสือเมือง เสือทอง เสือย้อย เป็นต้น ด้วยความดีความชอบ จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช" และในปี พ.ศ. 2478 ได้รับเลื่อนยศเป็นนายร้อยตำรวจโท และในปีนี้ได้อุปสมบทที่วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีท่านเจ้าคุณรัตนธัชมุนี (แบน) เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชอยู่ได้ 1 พรรษา จึงลาสิกขา ในปี พ.ศ. 2479 ท่านได้ย้ายไปเป็นหัวหน้ากองตรวจ ประจำกองบังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครศรีธรรมราช ประจำจังหวัดสงขลา ได้ปราบโจรผู้ร้ายหลายคน
การปราบโจรครั้งสำคัญและทำให้ท่านมีชื่อเสียงมากคือ การปราบผู้ร้ายทางการเมืองที่นราธิวาส ในปี พ.ศ. 2481 หัวหน้าโจรชื่อ "อะแวสะดอ ตาเละ" นัยว่าเป็นผู้ที่อยู่ยงคงกระพัน เที่ยวปล้นฆ่าเฉพาะคนไทยพุทธเท่านั้น ในที่สุดก็ถูกขุนพันธ์ฯ จับได้ ท่านได้รับการยกย่องจากทั้งชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมเป็นอันมาก ท่านจึงได้รับฉายาจากชาวไทยมุสลิมว่า "รายอกะจิ" หรือแปลว่า "อัศวินพริกขี้หนู" และได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจเอกในปีนั้นเอง พ.ศ. 2482 ขุนพันธ์ฯ ได้ย้ายมาเป็นผู้บังคับกองเมืองพัทลุง ปี พ.ศ. 2485 ย้ายเป็นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ปราบปรามโจรหลายราย รายสำคัญ คือ เสือสาย และเสือเอิบ
ขุนพันธรักษ์ราชเดช ถือดาบและเหน็บกริช แสดงลายนายตำรวจมือปราบหนวดเฟิ้มหลังจากนั้นขุนพันธ์ฯ ได้ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดในภาคอื่น คือ ในปี พ.ศ. 2486 ได้ย้ายไปเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรที่จังหวัดพิจิตร ได้ปฏิบัติหน้าที่มีความดีความชอบเรื่อยมา และได้ปราบปรามโจรผู้ร้ายมากมาย ที่สำคัญคือการปราบ เสือโน้ม หรืออาจารย์โน้ม จึงได้รับพระราชทานยศเป็นพันตำรวจตรี พ.ศ. 2489 ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท ได้ปะทะและปราบปรามเสือร้ายหลายคน เช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือผ่อน เสือครึ้ม เสือปลั่ง เสือใบ เสืออ้วน เสือดำ เสือไหว เสือมเหศวร เป็นต้น กรมตำรวจได้พิจารณาเห็นว่า ผู้ร้ายในเขตจังหวัดชัยนาทและสุพรรณบุรี ชุกชุมมากขึ้นทุกวันยากแก่การปราบปรามให้สิ้นซาก จึงได้ตั้งกองปราบพิเศษขึ้น โดยคัดเลือกเอาเฉพาะนายตำรวจที่มีฝีมือในการปราบปรามรวมได้ 1 กองพัน แต่งตั้งให้ พ.ต.ต. สวัสดิ์ กันเขตต์ เป็นผู้อำนวยการกองปราบ และ พ.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นรองผู้อำนวยการ กองปราบพิเศษได้ประชุมนายตำรวจที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2489 เพื่อวางแผนกำจัดเสือฝ้าย แต่แผนล้มเหลว ผู้ร้ายรู้ตัวเสียก่อน ขุนพันธ์ฯ ได้รับคำสั่งด่วนให้สกัดโจรผู้ร้ายที่จะแตกเข้ามาจังหวัดชัยนาท
ครั้งนั้นขุนพันธ์ฯ ใช้ดาบเป็นอาวุธคู่มือแทนที่จะใช้ปืนยาว ดาบนั้นถุงผ้าแดงสวมทั้งฝักและด้าม คนทั้งหลายจึงขนานนามท่านว่า "ขุนพันธ์ดาบแดง" ฝีมือขุนพันธ์ฯ เป็นที่ครั่นคร้ามของพวกมิจฉาชีพทั่วไป แม้แต่เสือฝ้ายเองก็เคยติดสินบนท่านถึง 2,000 บาท เพื่อไม่ให้ปราบปราม แต่ขุนพันธ์ฯ ไม่สนใจ คงปฏิบัติหน้าที่อย่างดีจนปราบปรามได้สำเร็จ ท่านอยู่ชัยนาท 3 ปี ปราบปรามเสือร้ายต่างๆ สงบลง แล้วได้ย้ายมาเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรที่อยุธยา อยู่ได้ประมาณ 4 เดือนเศษก็เกิดโจรผู้ร้ายชุกชมที่กำแพงเพชร ขณะนั้นเป็นระยะเปลี่ยนอธิบดีกรมตำรวจ และขุนพันธ์ฯ ก็ถูกใส่ร้ายจากเพื่อนร่วมอาชีพว่าเป็นโจรผู้ร้าย พล.ร.ต. หลวงสังวรยุทธกิจ อธิบดีกรมตำรวจยังเชื่อมั่นว่าขุนพันธ์ฯ เป็นคนดี จึงโทรเลขให้ไปพบด่วน และแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร
เมื่อปี พ.ศ. 2490 ขุนพันธ์ฯ ได้ปรับปรุงการตำรวจภูธรของเมืองนี้ให้มีสมรรถภาพขึ้น และได้ปราบปรามโจรผู้ร้ายต่างๆ ที่สำคัญคือ เสือไกร กับ เสือวัน แห่งอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ฝีมือการปราบปรามของขุนพันธ์ฯยิ่งลือกระฉ่อนไปไกล

โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

ปล.จากที่ได้อ่านเกียรติประวัติขุนพันธรักษ์ราชเดชแล้วได้ข้อคิดดีหลายอย่าง แต่ เนื้อหามีความยาวมากๆขอแบ่งเป็นตอนๆนะครับ

[shake]ที่มาของข้อมูล:http://go.microsoft.com/fwlink/?LinkId=74005[/shake]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ส.ค. 2552, 08:58:06 โดย ชลาพุชะ »

ออฟไลน์ นายเกษตร

  • ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร เราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้ คืนสนอง
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 210
  • เพศ: ชาย
  • สุดสายทางแห่งสัตวบาล
    • MSN Messenger - naikaset119@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับพี่
จะรอติดตามตอนต่อไปนะครับ
อาจารย์ ดร.ณรกมล เลาห์รอดพันธ์

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
นี่รูปท่านเกษตร รึนี่!!!!! หน้าเหมือนชาคิตเลย

ออฟไลน์ ....

  • อดทนต่อความเจ็บใจ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 119
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
อยากให้ลงเกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านขุนพันธ์ด้วยครับ
[shake]รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต[/shake]

ออฟไลน์ ทีครับผม

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 431
  • เพศ: ชาย
  • จะเป็นลูกศิษย์ที่ดีตลอดไป
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณครับ ผมชอบมากที่ได้อ่านประวัติของบุคคลที่ควรยกย่องเช่นนี้ :053:

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
อยากให้ลงเกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านขุนพันธ์ด้วยครับ
เท่าที่ได้ยินก็ เป็นเจ้าพิธืจตุคามปี 30 อันโด่งดัง แต่ผมไม่มีที่ผมมีก็ เหรียญปิดตาพังพระกาฬ นวโลหะ ปี 32


ขอบคุณครับ ผมชอบมากที่ได้อ่านประวัติของบุคคลที่ควรยกย่องเช่นนี้ :053:
กระผมจึงอยากที่รู้ถึงประวัติและคุณความดีของคนที่น่านับถือเช่นพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช  

พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดชนี่สิของจริงและยากที่จะมีคนไหนเลียนแบบได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ส.ค. 2552, 09:08:59 โดย ชลาพุชะ »

ออฟไลน์ cho presley

  • ------> I'm Cho Presley
  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 2049
  • เพศ: หญิง
  • สุดท้ายก็กาหลง!
    • MSN Messenger - cho.khalong@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - เมืองเสน่ห์กาหลง
    • Yahoo Instant Messenger - มหาเสน่ห์+เมตตา+มหานิยม
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.khalong.com
ขุนพันธรักษ์ราชเดช... ว๊าว... นายตำรวจชื่อดัง.. ปราบโจรผู้ร้ายมามากมายปานนี้..
มิน่าหละ.. นายตำรวจจอมขมังเวทย์ผู้นี้จึงมีชื่อเสียงขจรไกล.. จนเป็นที่กล่าวขานโดยไม่ต้องพึ่งมือพีอาร์..
ฮั่นแน่..มีจตุคามปี32กะเขาล่วยสินะ.. ทันขุนพันธรักษ์ราชเดช..! กรี้ดดดดดดดดดส์! แลกกะลพ เปิ่นปี 19 (ของคนอื่น) เอาปะ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ส.ค. 2552, 09:11:38 โดย cho presley »

cho presley       

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
สุดยอดครับท่านขุนพัน เป็นคู่ปรับกับ 3 เสือ สุดยอดจริงๆ  :016:

ออฟไลน์ โองการยันนะรังสี

  • ผู้ดูแลระบบ
  • *****
  • กระทู้: 951
  • เพศ: ชาย
  • หมากรุกเดินยังต้องคิด หมากชิวิตเดินไม่คิดได้ไง
    • ดูรายละเอียด
ท่านขุนพันธ์ ท่านเป็นอาจารย์ ฆราวาสที่น่าเคารพและยึดถือเป็นแบบอย่าง ในสิ่งที่ดีๆทีี่ท่านได้ปฏิบัติมาโดยตลอด

ท่านได้สร้างสาธารณะประโยชน์และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์หลายต่อหลายท่าน

จนมีผู้นำประวัติของท่านมาเผยแพร่ ด้วยความเคารพและเสื่อมใสในตัวท่าน คงไม่ต้องอาศัยให้สื่อช่วยประกาศ

โฆษณาประชาสัมพันธ์  อย่างที่บ้างท่านกล่าวถึง เพราะว่า ถ้าไม่ดีจริง ไม่ใช่ของจริง คงเชียร์ไม่ดัง ก็คงไม่มีใครยอมรับ

อย่างหลวงปู่ หลวงพ่อ พระอาจารย์หลายๆท่านที่มีชื่อเสียง ก็มักจะมีผู้ชอบนำไปกล่าวอ้าง ว่าเป็น ลูกศิษย์ สายตรง ก้นกุฏิ

ศิษย์เอก เพียงแค่ได้ไปกราบท่านแค่ ครั้งหรือสองครั้งก็นำไปพูดเพื่อยกระดับของตัวเอง (เดี๋ยวนี้มีแบบนี้เยอะ)

หรือเรียกว่าขอเกาะอาศัยบารมีอาจารย์ เพื่อเอาไว้ทำมาหากินหรืออัพเกรดให้ตัวเองโด่งดังหรือเปล่าก็มิทราบได้

แหม !!  เมื่อวานลืมฝากกระทู้ให้อ่านกัน  เรื่องเล่ายามบ่าย  http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,5231.0.html


อ่านแล้วตีความกันดีๆนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับราดหน้า นะครับ   :002:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ส.ค. 2552, 10:35:15 โดย โองการยันนะรังสี »

ขอเชิญร่วมงานพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ หลวงพ่อเปิ่น
 



ออฟไลน์ peachsama

  • คณินวัฒน์ สิทธิสงคราม พุ่มทิพย์ร่วมสาธุครับ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1513
  • เพศ: ชาย
  • อำนาจ วาสนา บารมีดี เพราะมีแรงครู รายอกะจิ วันทามิ
    • MSN Messenger - peachsama@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • http://peachsama.hi5.com
    • อีเมล
ถ้าท่านสามารถ ได้รับบำนาญ เดือนละ4-5มื่น แต่ทำบุญ แทบหมดได้ทุกเดือน ท่านจึงสามารถเทียบท่านขุนได้ขอรับ ไม่มีสมบัติหรูๆใดติดตัว รถเก่าๆไปทุกงานพิธี บ้านเก่าๆ มีพอให้อาศัย สำหรับตำรวจเกษียรคนหนึ่ง
เมตตาล้นเหลือ ท่านไปแต่ละงาน ท่านได้เงินช่วยเยอะ และเกือบพอที่ท่านจะร่วมทำบุญ คืนให้เจ้าภาพ
(เหมือนไปฟรี แล้วยังไปร่วมทำบุญให้เขาอีก ในยุคของท่านทำเอง จึงมีแค่รถเก่าๆ บ้านไม้1หลัง ชุดขาว
พระที่คอและ จิตกุศลอันกล้าแข็งเช่นคนโบร่ำโบราณท่านถือ)

พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เสนอทางเลือกว่าให้เป็น "1 รองหัวหน้าแต่ต้องช่วยข้ากิน หรือ 2.หัวเน่าเอาแหวนแล้วไสหัวไปรอเกษียรไม่มีวันโต(แต่โตในใจประชาชนแทน) รวย กับ ร่วง ท่านขุนเลือก "ร่วง"ร่วงจากฟ้าแต่อยู่ในใจประชา

แม้เวลาเกษียรแล้ว
ถ้าเราสามารถ ขายรถแพงๆ เพื่อร่วมทำบุญ แล้วใช้รถญี่ปุ่นเก่าๆ ถ้าเราสามารถ ขายคฤหาสถน์หรูๆ ระดับนายพล
อัศวินแหวนเพชรพักผ่อน มานอน บ้านไม้เก่าๆโทรมๆ และถ้าเราไปร่วมทุกพิธีสร้างวัตถุมงคล ที่เขาทำบุญช่วยเงินใส่ซองช่วยเดินทางเรามาเป็นหมื่นๆหรือมากกว่านั้น แต่เราก็เอาซองนั้น+เงินติดตัวเราเองที่พกมา แล้วยื่นคืนเขา พร้อมคำว่า "ตาก็มีไม่มาก ก็ขอฝากปัจจัยนี้ร่วมอนุธมทนาญกุศลนี้ด้วยนะ"

คนสร้างพระได้กำไร พระได้ปัจจัย และท่านขุนได้บุญครับ

ภาพที่นั่นนั่งหัวเราหน้าหีบศพท่าน ท่านคงจะนึกขำ ไอ้ที่ทำมาทั้งชีวิต เอาติดไปได้แค่บุญกุศเทานั้นเอง
ทีเหลือกองไว้หมด หมดเลย 555

"ถ้าเราทำได้แบบท่าน โลกนี้คงสวยงามครับ นมัสการท่านขุนครับ รายอกะจิ วันทามิ"


ตั้งกระทู้ไม่ได้ครับ
วัดถ้ำเมืองนะ
www.watthummuangna.com/seamsee
ศาสนสุภาษิต "สรรพทานัง ธรรมทานัง  ชินาติ"
ศิษย์บางพระ:บูรพาจารย์หลวงพ่อเปิ่น ฐิตะคุโณเป็นธงชัย
นำไปสู่สำเร็

ออฟไลน์ cho presley

  • ------> I'm Cho Presley
  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 2049
  • เพศ: หญิง
  • สุดท้ายก็กาหลง!
    • MSN Messenger - cho.khalong@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - เมืองเสน่ห์กาหลง
    • Yahoo Instant Messenger - มหาเสน่ห์+เมตตา+มหานิยม
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.khalong.com
พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เสนอทางเลือกว่าให้เป็น "1 รองหัวหน้าแต่ต้องช่วยข้ากิน หรือ 2.หัวเน่าเอาแหวนแล้วไสหัวไปรอเกษียรไม่มีวันโต(แต่โตในใจประชาชนแทน) รวย กับ ร่วง ท่านขุนเลือก "ร่วง"ร่วงจากฟ้าแต่อยู่ในใจประชา
ท่านโชว..อยากเลือก ร่วง เหมือนขุนพันธรักษ์ราชเดช นะพีท.. :100:

ออฟไลน์ @ZeRo@

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 301
  • เพศ: ชาย
  • CPW 17
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณชลาพุชะครับ ประวัติท่านโดยละเอียดเลยครับ แต่ลิงค์แหล่งที่มา ลองดูแล้วไม่มีข้อมูลอ่ะครับ อยากติดตามอ่านต่อครับ เรื่องของหัวใจที่เข้มแข็ง เรื่องของคาถาอาคมที่แข็งกล้า เรื่องของความที่เป็นคนตรงไม่รับสินบนไม่มีการทุจริต เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ 
คนที่มีคุณความดีในตัว เป็นที่ปรากฏชัดนี่เทวดาคุ้มครองครับ ถึงแม้ท่านจะเจอพวกคนไม่ดีให้ร้าย หรือพูดว่ากล่าวไปในทางที่เสื่อมเสีย มากสักเพียงไร ก็ไม่หวั่นไหวครับ เพชรยังไงก็เป็นเพชรจริงๆครับ
รบกวนของลิงค์แหล่งที่มาด้วยครับอยากติดตามอ่านต่อครับ


ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด    ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในหัวใจคน

ออฟไลน์ ชลาพุชะ

  • เราอาจไม่รู้มากนัก แต่เรารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1526
  • เพศ: ชาย
  • ที่นี่คือเว็บวัดบางพระ เราก็ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณชลาพุชะครับ ประวัติท่านโดยละเอียดเลยครับ แต่ลิงค์แหล่งที่มา ลองดูแล้วไม่มีข้อมูลอ่ะครับ อยากติดตามอ่านต่อครับ เรื่องของหัวใจที่เข้มแข็ง เรื่องของคาถาอาคมที่แข็งกล้า เรื่องของความที่เป็นคนตรงไม่รับสินบนไม่มีการทุจริต เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ 
คนที่มีคุณความดีในตัว เป็นที่ปรากฏชัดนี่เทวดาคุ้มครองครับ ถึงแม้ท่านจะเจอพวกคนไม่ดีให้ร้าย หรือพูดว่ากล่าวไปในทางที่เสื่อมเสีย มากสักเพียงไร ก็ไม่หวั่นไหวครับ เพชรยังไงก็เป็นเพชรจริงๆครับ
รบกวนของลิงค์แหล่งที่มาด้วยครับอยากติดตามอ่านต่อครับ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A
ที่นี้ไม่ผิดแน่ๆครับลองแล้ว แต่ลิงค์อันแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครับต้องขออภัยนะครับ