วิญญาณกตัญญู
โดย ท.เลียงพิบูลย์
จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๑
เมื่อครั้งสมัยก่อน ข้าพเจ้าเดินทางไปภาคเหนือต้องลงพักสถานีปากน้ำโพ เพื่อความสะดวกจึงพักแรมที่สถานีรถไฟ เวลานั้นชั้นบนของสถานีรถไฟเป็นที่พักแรม รู้สึกว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่ค่อยจะมีผู้คนมาพักมากนัก เพราะทุกคนเมื่อลงจากรถไฟก็ข้ามไปพักฝั่งเมือง
นอกจากข้าพเจ้าแล้ว ยังมีชายอีกผู้หนึ่งอายุมากกว่าข้าพเจ้า การที่มาพักในโรงแรมเดียวกัน ซึ่งมีเราเพียงสองคนเท่านั้น ซ้ำยังเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่มีปัญหาอะไรที่จะไม่หันหน้าเข้ามาสนทนา และทำความรู้จักกันก็ไม่ยากนักแล้วเราก็สนิทสนมกัน ท่าทางของชายผู้นี้เป็นคนดีมีความรู้เป็นคนเปิดเผย คบง่ายเป็นกันเอง ตอนหนึ่งข้าพเจ้าบ่นว่าที่พักมีความสะอาดน้อยกว่าโรงแรมรถไฟทั่วๆ ไป ที่เคยพักมา แล้วเพื่อนร่วมที่พักของข้าพเจ้าบอกว่า
อย่าไปสนใจอะไรเลยคุณเรื่องที่พัก เมื่อเราออกจากบ้านแล้ว หาความสะดวกความสบายได้ยาก เราพักคืนเดียวเท่านั้น ทนเอาหน่อยอย่าไปนึกอะไร ผมผจญมามากกว่านี้
แล้วก็เล่าเรื่องผจญต่อเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง ให้เวลาผ่านไปอย่างเพลิดเพลิน แต่ข้าพเจ้าสนใจเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงตัดตอนมาเล่าให้ท่านฟัง
เมื่อรถยนต์โดยสารจอดที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง พวกคนโดยสารรีบลง ผมมาในรถโดยสารนั้น ผู้หนึ่งจึงลงมาด้วย เพราะเราต้องเดินทางมาเกือบตลอดวัน ต่างก็ปัดฝุ่นสีแดงที่ติดตามเสื้อผ้าและหน้าแล้ว ผมก็มองดูโรงแรมที่พักเป็นตึกเก่าๆ ปลูกอย่างหนาเทอะทะเอาความแข็งแรงเป็นข้อแรก เอาความสวยงามรองมา คงจะเป็นตึกที่เก่าแก่หลังหนึ่งในจังหวัดนั้น ข้างบนเป็นโรงแรม ข้างล่างเป็นร้านขายอาหารและกาแฟ
ผมเข้าไปนั่งพักแล้วสั่งกาแฟมาถ้วยหนึ่ง มองดูเด็กประจำรถปีนขึ้นไปบนหลังคารถโดยสารเลิกผ้าคลุมออกแก้เอาหีบกระเป๋าเดินทาง ซึ่งผูกไว้กับเหล็กหลังคารถ ยกส่งลงมาข้างล่างแล้วก็เอาไปไว้ในร้านกาแฟ นอกจากผมที่จะพักโรงแรมนี้แล้ว ก็ยังมีชายกลางคนกับภรรยาสาวซึ่งมีอายุอ่อนกว่าสามีประมาณยี่สิบปี ที่จะลงมาพักด้วย ผู้โดยสารพวกอื่นคงจะเป็นชาวเมืองนั้นจึงกลับไปบ้านของตน ผมกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ ส่วนชายสูงอายุผู้นั้นนั่งคอยภรรยาของเขากำลังเข้าห้องน้ำ ผมจึงถามว่า
คุณจะพักแรมคืนที่นี่เหมือนกันหรือครับ
ชายผู้มีอายุตอบว่า ครับ ผมจะพักแรมคืนอยู่ที่นี่ รุ่งขึ้นก็จะเดินทางต่อไป ขณะนั้นพอดีภรรยาท่านผู้นั้นก็ออกมาจากห้องน้ำ มานั่งร่วมสนทนาด้วย
ทันใดนั้นก็มีจีนไหหลำคนหนึ่งแต่งกายเสื้อผ้าขาวสะอาดเดินออกมาจากข้างในถามว่า คุณต้องการห้องพักหรือครับ
ผมเลยบอกไปว่า หาห้องพักสะอาดดีๆ ให้พักสองห้องซิเถ้าแก่ ห้องหนึ่งสำหรับท่านผู้นี้กับคุณนาย และผมอยู่คนเดียวห้องหนึ่ง
เถ้าแก่ผู้นั้นบอกว่า ห้องยังมีเหลือห้องเดียวครับคุณ นอกนั้นเต็มหมด
ผมจึงบอกว่า ทำไมโรงแรมใหญ่ๆ จึงมีเหลือห้องเดียว
เถ้าแก่บอกว่า มีหลายห้องแต่มีคนเช่าไว้หมดแล้ว
ผมจึงถามว่า เมืองนี้ก็เห็นคนไม่มาก ทำไมห้องพักจึงเต็มหมด
เถ้าแก่ตอบว่า คนเช่าไว้ตั้ง ๕ ห้อง มีฝรั่งสอง คนไทยสามคน กลางวันเขาไปทำงานในป่า (สำรวจแร่) กลางคืนถึงกลับมานอนเช้าขึ้นออกไป เขาเช่าไว้ตั้งหลายวันแล้วคิดว่าคงจะอยู่สองอาทิตย์
ผมจึงบอกว่า เหลือห้องเดียวก็ให้คุณทั้งสองนี้ก็แล้วกัน
เถ้าแก่ผู้นั้นถามว่า แล้วคุณจะไปนอนที่ไหนล่ะ
ผมจึงบอกว่า "คนเดียวไม่เป็นไร จะไปหาพักโรงแรมอื่นก็ได้
เถ้าแก่เจ้าของโรงแรมบอกว่า เมืองนี้ไม่มีโรงแรมที่ไหนอีกนอกจากที่นี่
แต่แล้วเถ้าแก่โรงแรมทำเป็นนึก สักครู่ก็ส่งภาษาจีนพูดกับบ๋อย ผมเห็นเจ้าเด็กบ๋อยนั้นสะดุ้ง และเถ้าแก่บอกกับผมว่า ยังมีห้องหนึ่งห้องต้องทำความสะอาด เพราะไม่มีคนเข้าไปพักนานแล้ว ถ้าคุณจะพักก็ขึ้นไปดูได้
ผมบอกว่า ตกลงไม่ต้องดู จัดการทำความสะอาดก็แล้วกัน
เถ้าแก่จึงสั่งบ๋อยให้ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปข้างบน และเอากุญแจไปไขห้องสำหรับผัวเมีย และเอาไปในห้องร้างที่จะให้ผมเข้าไปพักด้วย เมื่อเราขึ้นไปข้างบนมองดูสภาพ ก็เป็นโรงแรมบ้านนอกธรรมดาทั่วๆ ไป สองผัวเมียได้ห้องติดข้างถนนใหญ่ สำหรับผมบ๋อยเดินนำเอากุญแจไปเปิดอีกห้องหนึ่งอยู่ลึกเข้าไปมาก บ๋อยพยายามไขกุญแจเท่าไรไม่ออกเพราะมือสั่น ผมต้องหยิบกุญแจมาไขเอง เมื่อถือกุญแจก็เห็นสนิมติดมือ จึงรู้ว่าห้องนี้คงไม่ได้เปิดมานานแล้ว เมื่อเปิดออกแล้วเจ้าบ๋อยถามผมว่า นายจะนอนห้องนี้หรือ ผมพยักหน้า
บ๋อยจึงพูดว่า นายเข้าไปก่อนซิ ประเดี๋ยวผมจะไปทำความสะอาดให้
ผมสังเกตดูรู้ว่าเจ้าบ๋อยคนนี้ลุกลี้ลุกลนชอบกล ผมจึงเข้าไปเปิดหน้าต่างออก ห้องรู้สึกอับๆ เห็นจะเป็นเพราะปิดไว้นาน มองดูสภาพก็ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลก นอกจากมุ้งไม่มีและที่นอนม้วนไว้ สักครู่บ๋อยอีกคนนหนึ่งก็หอบเอาผ้าปูที่นอนหมอนมุ้งขึ้นมาและจัดการเช็ดกวาดทำความสะอาดกันสองคน และคุยกันซุบซิบซึ่งผมไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน
แต่ที่ผิดสังเกตก็เพราะเจ้าบ๋อยสองคนพูดกันแล้วก็หันมาดูหน้าผม แล้วก็หัวเราะกันคล้ายผมเป็นตัวตลกผมไม่รู้เรื่อง เขาหัวเราะผมเพราะอะไร และผมก็ไม่เอาใจใส่เมื่อเช็ดถูปัดกวาด กางมุ้ง ปูที่นอน ใส่ปลอกหมอนเรียบร้อยแล้วก็ไม่เห็นว่ามันผิดกว่าห้องอื่นอย่างไรเลย ทำไมเถ้าแก่เจ้าของโรงแรมจึงไม่บอกแต่ครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเราก็ได้ห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องวิตกว่าจะต้องไปหาที่อื่นนอน
ทราบว่าตามปกติห้องพักไม่ค่อยจะมีคนเต็ม แต่คราวนั้นมีนักสำรวจทั้งไทยและฝรั่ง ๕ คน ได้มาเช่าห้องไว้ จึงทำให้โรงแรมนี้เต็ม เย็นนั้นผมอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้วก็เดินลงมาดูอาหารสั่งอาหาร รู้สึกว่าเมื่อผมลงมานั่ง พวกบ๋อยและคนจีนไหหลำบนโรงแรมนั้นต่างมองผมเป็นตาเดียวกัน ผมต้องก้มหน้าลงดูเสื้อผ้าอาจจะใส่ไม่เรียบร้อยหรือขาด แต่ดูแล้วดูอีกก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แล้วก็เลยคิดว่าใครจะดูเราอย่างไรก็อย่าไปสนใจเลย เมื่อผมสั่งอาหารทานเสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปนอนพักในห้อง
สักครู่บ๋อยก็เอาตะเกียงเติมน้ำมันมาเสร็จเรียบร้อยขึ้นมาให้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมสงสัยว่า เพียงเอาตะเกียงขึ้นมาก็ต้องขึ้นมาตั้งสองคน ผมอยากจะให้รู้แน่ จึงสั่งให้บ๋อยเอาบุหรี่ขึ้นมาให้ผมหนึ่งซอง แต่แล้วทำให้ผมสนใจมากขึ้นเพราะเพียงยาซองเดียวก็ยังขึ้นมาให้ผมตั้งสองคน ผมนึกแต่ในใจว่าโรงแรมนี้คงมีสิ่งผิดปกติเป็นแน่เมื่อเข้ามาในห้องที่ผมอยู่ เมื่อบ๋อยออกไปแล้ว ผมก็นั่งคิดสักครู่หนึ่ง จึงใส่กุญแจห้องแต่จุดไฟทิ้งไว้ แล้วก็เดินลงบันไดไปข้างล่างเห็นแสงไฟเจ้าพายุแขวนอยู่กลางห้อง มีพวกจีนไหหลำนั่งคุยกันเสียงดังใต้แสงเจ้าพายุ พอผมเดินลงไปเสียงที่ดังก็ค่อยลงทันที ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ
เถ้าแก่เจ้าของโรงแรมถามว่า คุณจะต้องการอะไรบ้างครับ
ผมจึงบอกว่า อยากได้น้ำชาจีนสักหนึ่งกา บอกบ๋อยเอาขึ้นไปให้ด้วย
ต่อ ด้านล่าง...