วันเสาร์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒
ตื่นเช้าทำกิจวัตรของสงฆ์ในภาคเช้าตามปกติ
ตอนสายๆลงไปดูญาติโยมเขาทำงานกันที่หอพระ หอธรรม
ฝนตกหนักในตอนบ่ายกลับขึ้นศาลาทำความสะอาดปัดกราดศาลา
พิจารณาธรรมไปตามสภาวะปัจจุบันธรรมกำหนดดูอิริยาบทของกายในขณะทำงาน
ทรงไว้ในสภาวะธรรมจนกระทั่งสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จเวลา ๑๙.๐๐ น.
เพื่อนวิศวะมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยเกษตรฯขึ้นมาเยี่ยม
โดยมีเป้าหมายที่ได้นัดกันไว้ว่าจะมาสนทนาเรื่องธรรมะปฏิบัติและสภาวะธรรม
ซึ่งคนเหล่านี้ในสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยนั้น ไม่เคยสนใจในธรรมะและเรื่องศาสนามาก่อนเลย
ซึ่งเหมือนกับตัวของข้าพเจ้าในสมัยนั้นที่ห่างไกลจากศาสนา ไม่เคยศึกษาและสนใจธรรมะ
แต่เมื่อข้าพเจ้าบวชเป็นพระและอยู่มาได้นาน ทุกคนจึงเริ่มจะสงสัยกันว่าอยู่ในผ้าเหลืองนานได้อย่างไร
จึงได้แวะมาเยี่ยมเยือนกัน และได้มีโอกาศที่จะกล่าวธรรมให้เขาเหล่านั้นได้รับรู้และรับทราบ
และแนะนำการประพฤติปฏิบัติให้แก่เขาเหล่านั้น จนมีความรู้และความเข้าใจในธรรม
โดยการสอนที่ไม่เน้นรูปแบบและพิธีกรรม ให้ดูที่การกระทำของกายและจิตโดยมีสติและสัมปชัญญะ
ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นมีสมาธิโดยธรรมชาติเป็นพื้นฐานอยู่แล้วทุกคน ซึ่งสมาธินั้นเกิดจากการทำงาน
การอ่าน การเรียนหนังสือ เพราะว่าคำว่าสมาธินั้นคือจิตใจที่ตั้งมั่นและจดจ่อกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นเวลานาน
เพียงแต่เราเข้าไปชี้แนะเพือปรับแนวทางให้เข้าสู่หลักของพระพุทธศาสนา พวกเขาก็สามารถที่จะต่ออารมณ์ได้
เพราะบุคคลเหล่านี้มีพื้นฐานในการคิดและวิเคราะห์อยู่แล้วและเป็นพวกที่มี"ไอคิวสูง"ฉลาดในทางโลกกันทุกคน
จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากแก่การอธิบายโดยมีเหตุ มีผล มีที่มาและที่ไป และยกตัวอย่างอุปมาอุปมัยให้เห็นเป็นรูปธรรมได้
พวกเขาเหล่านั้นจึงมีความสนใจและได้เข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมากจากปากต่อปากที่เล่าสู่กันฟัง
และทุกคนก็สามารถดำเนินชีวิตทำธุระกิจและหน้าที่การงานได้ตามปกติ ไม่ขัดทั้งทางโลกและทางธรรม
แต่สิ่งที่พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปคือแนวความคิดและมุมมองต่อโลก รู้จักหน้าที่ ความพอดีและพอเพียง
สนทนาธรรมกันตั้งแต่เวลา ๑๙.๓๐ น. ตอบปัญหาสิ่งที่ค้างคาใจและสงสัย จนเป็นที่เข้าใจหายสงสัย
และชี้แนะแนวทางที่จะปฏิบัติต่อไปทั้งในทางโลกและทางธรรม ให้เดินไปคู่กันได้โดยไม่ขัดแย้งกัน
จากเวลา ๑๙.๓๐ น.ของวันที่ ๑๒ กันยายนจนถึงเวลา ๑๐.๐๐ น.ของวันที่ ๑๓ กันยายน
ใช้เวลาทีพูดคุยสนทนาธรรมกัน ๑๔ ชั่วโมงครึ่ง ใครง่วงก็นอนไป ใครตื่นขึ้นมาใหม่ก็สนทนากันต่อ
ตอบปัญหาทุกข้อทุกเรื่องที่สงสัย ทรงไว้ในอารมณ์ปิติที่ได้กล่าวธรรม จิตตื่นอยู่ตลอดเวลา
มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกาย ในการคิด การพิจารณา และการตอบปัญหาธรรมะทุกข้อ
เวลา ๑๐.๓๐ น.ส่งหมู่คณะพรรคพวกเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯกัน
ลงไปฉันข้าวแล้วจึ่งกลับขึ้นมาเขียนบันทึกธรรม......
:059:แด่ความก้าวหน้าและเจริญในธรรมของหมู่เพื่อนผู้เคยร่วมชะตากรรมกันมาในวัยเยาว์
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิตแด่มิตรสหาย
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๑๓ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๑.๒๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย