ญาติโยมลากลับตอน ๑๐.๓๐ น.
ลงไปสรงน้ำ ฉันข้าว แล้วกลับขึ้นมาพักผ่อนตอน ๑๒.๐๐ น.
ตื่นมาอีกทีเวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น.สรงน้ำแล้วลงไปเดินดูเขาทำงานกัน
ฝ่ายก่อสร้างวันนี้เทคานเสร็จหมดทุกตัว ฝ่ายทำวัตถุมงคลทำลูกสะกดเนื้อยากัน
จนกระทั่งถึงเย็นจึงสรงน้ำแล้วลงไปทำวัตรสวดมนต์เย็นกันตามปกติ
ทราบข่าวการมรณะภาพของหลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้วจากบอร์ดวัดบางพระ
เกิดธรรมสังเวชในการเกิดแก่เจ็บตายของชีวิตจึงยกขึ้นมาพิจารณาเป็นกรรมฐาน
โดยการพิจารณาถึงกฏพระไตรลักษณ์ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เพื่อเตือนสติไม่ให้ประมาทในชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา
...กายดับลับสูญหาย...คงเหลือไว้แต่ความดี
ด้วยบุญบารมี...คือสิ่งที่คนจดจำ
หลวงปู่ลาลับแล้ว...ปู่เขี้ยวแก้วบุญหนุนนำ
สิ่งที่หลวงปู่ทำ...มีค่าล้ำเกินบรรยาย...
ขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของหลวงปู่ กาหลง เขี้ยวแก้ว
ได้คิดและพิจารณาในมหาสติปัฏฐาน ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม
การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของสรรพสิ่ง และอารมณ์ทั้งหลาย
ได้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความที่เข้าไปยึดถือไม่ได้
ปรับเข้าสู่พระไตรลักษณ์จนเกิดธรรมสังเวชในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ทบทวนใคร่ครวญพิจารณาสภาวะธรรมที่เคยได้กระทำและที่ผ่านมาตามสภาวะจิตในขณะนั้น
จนถึงเวลาประมาณตีสามกว่าๆญาติโยมจากกรุงเทพฯอีกคณะก็เดินทางมาถึง
เอาเต้นท์มาถวายเพื่อที่จะใช้เวลาที่มีญาติโยมมาพักจำนวนสี่หลัง
พูดคุยสนทนากันตั้งแต่เวลา ๐๔.๐๐ น. จนถึงเวลา ๑๐.๐๐ น.
ญาติโยมขอตัวไปทำธุระที่จังหวัดนครพนม แล้วจะกลับมาในตอนเย็น
การที่ได้สนทนาธรรมนั้น มันเป็นการทบทวนในสภาวะธรรมทุกครั้ง
เพราะเราต้องเข้าไปสู่สภาวะอารมณ์กรรมฐานที่เขาได้ปฏิบัติมา
เพื่อจะได้รู้ว่าเขาติดอยู่ในอารมณ์สภาวะตรงจุดไหน อะไรเป็นเหตุและอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ติดขัด
หรือสิ่งที่เขาสงสัยมันคืออารมณ์อะไร มันมีสภาวะเป็นอย่างไร เท่ากับว่าเราได้ปฏิบัติไปในตัว
ทุกอย่างแก้ไขได้โดยใช้การพิจารณาจนเป็นมหาพิจารณา....
:059:แด่การสนทนาธรรมที่นำมาสู่การพิจารณาจนเป็นมหาพิจารณา
เชื่อมั่นและศรัทธาในพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๑๔ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๑๑.๒๐ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย