ข้อมูลเพิ่มเติม
ศาล บุญเพ็ง หีบเหล็ก ที่วัดภาษี ความศักดิ์สิทธ์ที่ต้องพิสูจน์
ที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเอกมัย ในกรุงเทพมหานคร ที่แห่งนี้เคยเป็นลานประหารนักโทษสมัยรัชกาลที่ 6 ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะหรือว่า กุดหัว และพิธีนี้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยมีนักโทษคนสุดท้ายคือ บุญเพ็ง หรือ บุญเพ็งหีบเหล็ก ต้องโทษด้วยคดีฆ่าหั่นศพใส่หีบเหล็กมากว่า 7 ศพ เป็นผู้ปิดตำนานลานประหารแห่งนี้ แต่ด้วยวิชาอาคมและของศักดิ์สิทธ์ทำให้เพชฌฆาตไม่สามารถตัดหัวของนายบุญเพ็งได้ แต่สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงเมื่อเขายอมคลายพระที่อมอยู่ในปากออกมา ซึ่งในปัจจุบันได้ตั้งศาลของบุญเพ็งไว้ที่วัด โดยมีผู้คนกราบไว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อกันว่าหากบนบานสิ่งใดไว้ ก็จะสมความปรารถนาเรื่องจะเล่าให้ฟังต่่อไปนี้เป็นคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อ 80-90 ปีก่อน
เป็นข่าวฮือฮามากในสมัยนั้นเพราะสมัยก่อนคดีฆ่ากันตายไม่เยอะเหมือนปัจจุบัน
แถมขั้นตอนการฆ่ายังแปลกประหลาดสะเทือนใจประชาชนที่ทราบข่าว
บุญเพ็งหีบเหล็ก (แต่ก่อนคนยังไม่มีนามสกุล หีบเหล็กเป็นฉายาของแก)
เป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับญาติผู้ใหญ่ แกเป็นคนหน้าตาดีเป็นที่รักใคร่ของสาวๆ
บุญเพ็งคลั่งไคล้ในไสยศาสตร์ภายหลังได้บวชเป็นพระ
จำพรรษาอยู่หลายวัดทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดนนทบุรี
ต่อมาวันหนึ่งมีคนพบเห็นหีบเหล็กลอยปริ่มน้ำหน้าวัดไทรม้า
จ.นนทบุรี (ใกล้สะพานพระนั่งเกล้า) และอีกหีบที่คลองบางกอกน้อย
มีศพผู้หญิงถูกมัดอยู่ภายในหีบ (ศพขึ้นอืดทำให้หีบลอย)
หลายแหล่งมักบอกว่าแกฆ่าหลายคน ที่จริงมีไม่กี่คน
ตำรวจจึงทำการสืบสวนตามหาผู้ร้าย
จนได้เบาะแสนำจับบุญเพ็งหีบเหล็กในที่สุด
แกรับสารภาพว่าได้ฆ่าผู้หญิงจริงเพราะต้องการทรัพย์สินของผู้ตายที่มาติดพัน
โดยการฆ่าแล้วเอาศพยัดลงในหีบเหล็กนำไปทิ้งลงแม่น้ำ
บุญเพ็งถูกตัดสินให้รับโทษประหารชีวิต
มีหลายคนเข้าใจว่าแกเป็นนักโทษคนสุดท้ายที่โดนตัดหัว
ที่จริงไม่ใช่แต่เป็นชายหญิงอีกคู่ที่ทำความผิดภายหลังบุญเพ็งตายแล้ว
ศพของบุญเพ็งถูกฝังอยู่วัดภาษี กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ยังมีศาลแกตั้งอยู่
เรื่องของบุญเพ็ง นี้ต่อมาได้นำมาสร้างเป็นหนังเมื่อพ.ศ 2510
นำแสดงโดย: สมบัติ เมทะนี, ปริศนา ชบาไพร