พูดเท็จ-ส่อเสียด-หยาบคาย-เพ้อเจ้อ 4 อกุศลบาปทางวาจา by cho.
สวัสดี Saturday Seiko..ใครเป็นแฟนานุแฟนป๋าเทพ โพธิ์งาม ตลกคราวพ่อที่มีชื่อเสียงโด่งดังยังไม่เห็นดับ คงได้ทราบข่าวกันแล้วว่าป๋าเทพกำลังจะจัดทอล์คโชว์ของตัวเอง.. พอฟังแล้วก็ขำขำ
ใครๆ ก็ลือกันให้แซ่ดว่าป๋าทำอะไรไม่เคยจะสำเร็จเลย เจ้งลูกเดียว.. ตลกหนอตลก.. เรื่องเจ๊งก็เอามาขำกันได้.. ป๋าเจอมาเยอะ.. วลีนี้เป็นที่ฮือฮาติดปากกันไปอีกระลอก.. คนอะไรฮาโคตรตั้งแต่หนุ่มยันแก่.. ฮาเพราะอะไรก็เพราะ ปาก และท่าทางของป๋าเทพแกนั่นหละ.. ไม่รู้สิชอบ..คงต้องหาโอกาสสร้างความบันเทิงเริงรมย์ให้กับตนเองไปดูแกสักหน่อย..
พอพูดถึง ตลก กับ การพูดจา คนชมป่านนี้ก็ยังไม่ทราบเวลาเขาเอาเรื่องมาอำกันให้คนดูขำ..บ้างก็ตบหัว..รุ่นพ่อ รุ่นพี่ รุ่นน้องนับรุ่นกันยังไงก็ไม่โกรธเพราะทราบถึงเจตนาทำมาหากินค่ะ.. อ้าว..แล้วในโลกแห่งความเป็นจริงเล่า?...
การพูดจา
มีความสัมพันธ์อย่างไรกับบาปกรรม ฟังพระว่าเรื่องธรรมมะมาเยอะ...มาฟังคนมีกิเลสอย่างดิฉันคุยเรื่องธรรมะกันอีกสักครั้ง
ความหมายของบาปการพูดทั้ง 4
พูดเท็จ=เอาเรื่องไม่จริงมาพูด
พูดส่อเสียด=พูดจาให้คนทะเลาะกันโกรธกัน
พูดคำหยาบ=พูดจามีเจตนาให้คนอื่นโกรธ
พูดเพ้อเจ้อ=กล่าวาจาไม่มีหลักฐาน
4 การทำอกุศลทางวาจาเหล่านี้..เป็นภาคต่อจากการทำอกุศลทางใจในหัวข้อเรื่อง ไฮไลท์มันสำคัญที่ตัวอิจฉา.. http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,13033.html เพราะเมื่อเรามีจิตใจอกุศล ที่ดำริมาจากใจนั้น
เราจะเริ่มลงมือทำบาปอกุศลทางวาจานั่นเอง
มาเช็คบาปกันทีละข้อ!
พูดเพ้อเจ้อ: พระไตรปิฏกเขียนว่า คือ พูดในเวลาที่ไม่ควรพูด พูดเรื่องที่ไม่เป็นจริง พูดไม่เป็นประโยชน์ พูดไม่เป็นธรรม พูดไม่เป็นวินัย กล่าววาจาไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้าง ไม่มีที่สุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลไม่สมควร
Check it out: โอะโอว..อกอีแป้นจะแตก..ตามความหมายจากพระไตรปิฏกชัดเจนตรงประเด็นเลย ตัวอย่างมีให้เห็นทั่วไป ขายข่าวGossipดารา ---- คนอ่านอ่านเสร็จตั้งสภาเม้าท์กระจาย--- นี่แหละ พูดเพ้อเจ้อแล้ว
เพราะเรานำมาพูดต่อโดยไม่มีหลักฐานไงหละ เรื่องจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้เลย บาปแล้วค่ะ! โหเราทำบาปมาเยอะแล้วหรือนี่?
พูดคำหยาบ: พระไตรปิฏกเขียนว่า คือการกล่าววาจาที่เป็นคำหยาบอันเผ็ดร้อนแก่ผู้อื่น อันขัดใจผู้อื่น อันใกล้ความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบจิต
8 ลักษณะของคำหยาบ
ด่า=พูดว่ากล่าว
ประชด=พูดยกจนลอย
กระทบ=เปรียบเปรยให้เจ็บแค้นใจ
แดกดัน=เสียดสี
ล้อเลียน=พูดปมด้อย
สบถ=แช่ง
หยาบโลน=คำที่สังคมรังเกียจ
อาฆาต= พูดให้หวาดกลัว
Check it out! ไอ้เหี้ยชิด ไปแดกเหล้ากัน แม่งเซ็งหวะแฟนกูทิ้ง ไปร้านแดกถล่มอีน้ำหวานกันแม่งเพิ่งเปิดร้านใหม่แถวบ้านมึงหงะ ใครฟังประโยคนี้ยังไงก็ต้องฟันธงว่าเป็นคำหยาบ.. แต่มาเช็คกับพระไตรปิฏกแล้วถือว่าไม่บาปหากไอ้ชิดฟังแล้วไม่ได้รู้สึกโกรธ..แถมยังเห็นใจเลี้ยงเหล้าได้อีก
ตายพอดีไม่งั้นคงลงนรกเพราะพูดแบบนี้กันหมด แหมบางทีดิฉันยังแอบพูดประจำ อย่าสงสัยเลยคนทำงานเบื้องหลังดันให้คนอื่นเขาดัง เขียนสวยได้ ก็เขียนซ่าส์-พูดซ่าส์ได้เหมือนกัน ฮาดีออก หลุดเฟรมกันตลอดหละคนทำงานแบบนี้
เราเน้นเรื่องเจตนาเป็นหลัก ส่วนพับบลิคเป็นเรื่องทำมาหากิน
เฮ่อ! โล่งอกถือว่าเราและพวกพ้องไม่ต้องเอี่ยวกับการไปลงนรก..เพราะเรื่องนี้!
หืมมม.. น้องชดช้อย สวยมากกกก..เกินนะคะ วันนี้ (มีลากเสียงและสายตาจิกๆ เล็กน้อย)
ฟังแล้วยังต้องคิด ตกลงมันด่าหรือมันชม? อ่ะงานนี้คงต้องว่ากันที่เจตนาแล้วค่ะ..
อุ้ย
อาหารร้านนี้รสชาติอร่อยลิ้นสุนัขไม่รับประทาน ดูคุณพิพัฒน์ชัยสิ.. ทานแล้วทำหน้าเหมือนส้นตีนแช่แฟ๊บเลย..ไว้โอกาสหน้าจะมารับประทานใหม่นะคะ ใครฟังประโยคนี้ไม่ต้องแปลแล้ว มึงด่ากูเต็มๆ แต่ไม่เห็นมีคำหยาบ (ที่เราเคยเข้าใจว่าหยาบ) เอาหละ ถ้าพูดซะโจ่งแจ้งขนาดนี้ต่อหน้า face to face คงไม่ต้องไปแปลให้มากความตบสักพลั้วที่กกหูคงไม่เป็นไร..555
โอะโอว..เห็นกันมากมายค่ะ พูดจาด่าว่าคนที่ตนไม่ชอบให้อีกฝั่งโกรธกันแล้วโกหกตัวเองว่า เปล่า..ไม่ได้ว่าใคร! ของแบบนี้อยู่ที่ใจเรา.. มีเจตนาอะไร ทุกอย่างสำคัญที่ใจ? วิเคราะห์พระไตรปิฏก คัมภีร์ตัดสินชี้ผิดถูกนั้น คงต้องเลือกเปลี่ยน
เปลี่ยนพฤติกรรมแทนการสะสมบาปไปลงนรก!
พูดส่อเสียด พระไตรปิฏกเขียนว่า คือ ได้ฟังข้างนี้แล้วนำไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายพวกข้างนี้บ้าง หรือฟังข้างโน้นแล้วนำไปบอกข้างนี้ เพื่อทำลายข้างโน้นบ้าง ยุพวกที่พร้อมเพรียงกันให้แตกกันไปบ้าง ส่งเสริมพวกที่แตกกันบ้าง ชอบใจคนที่แตกกันเป็นพวก ยินดีในความแตกกันเป็นพวก ชื่นชมในพวกที่แตกกันและกล่าววาจาที่ทำให้แตกกันเป็นพวก
Check it out! อันนี้น่าสนใจมาก.. บาปที่ทำเป็นอาจิณของเราท่าน.. แต่ยังดันทุรังบอกว่าฉันพูดจริงนะยะ นี่หละตัวปัญหา เพราะแม้พูดความจริงแต่มีเจตนา ย้ำนะคะว่าเจตนา ทำให้คนเกลียดกันแตกแยกกัน ก็จะบาป สังเกตุดีๆ ว่าเรื่องทำบาป บอกว่าไม่ตั้งใจมันก็บาป แต่กรรมที่ต้องชดใช้มันไม่เท่ากัน จะแตกต่างตรงที่เจตนา! ฉะนั้น การที่เราจะนำความของคนรัก เพื่อนสนิทกันจากฝั่งหนึ่งไปบอกอีกฝั่งหนึ่ง ก็ควรต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ เหตุเพราะอาจจะทำให้ แตก ขึ้นได้.. อาทิ
ฉันเห็นชิดชัยแฟนหนุ่มของหล่อนไปกับนังหมวยผมหน้าม้าหน้าจืดๆนะยะ นังชะนีคนนี้หรือเปล่าที่โทรมาร้องห่มร้องไห้กับหล่อนว่า ให้หล่อนเลิกกะชิดชัย.. ชิดชัยก็เลวนะไปบังคับให้มันทำแท้ง ฉันก็สงสารหล่อนนะยะ ช่างมันเถอะในเมื่อมันท้องแล้วเธอคงทำอะไรไม่ได้.. ว่าแต่ว่า แล้วมันทำแท้งหรือยังยะหล่อน ถ้าใช่คนเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย? ฉันหวังดีนะยะ ขอเตือนเธออย่าไปยุ่งกับมันอีก ความปรารถนาดีโดยไม่มีเจตนาเลวร้ายแอบแฝงแม้เป็นความจริง แต่ก็อาจทำให้เขาและเธอ ต้องวางมวยทะเลาะกันก็ได้
อีกพวกคือพวกชอบเม้าท์นินทาชาวบ้านอย่างเมามัน ระวังจะตกนรก เพราะกรรมจากการพูดส่อเสียดสุดท้ายก็จะมาทำให้ชีวิตเราแย่ตกต่ำได้.. ประมาณว่าเข้าใจผิดนึกว่าตนดีเลิศ เลยเที่ยวว่ากล่าวเขานั่นหละ
พูดเท็จ พระไตรปิฏกเขียนว่า เมื่อเขาไม่รู้ก็บอกว่ารู้บ้าง เมื่อรู้ก็บอกว่าไม่รู้บ้าง เมื่อไม่เห็นก็บอกว่าเห็นบ้าง เมื่อเห็นก็บอกว่าไม่เห็นบ้าง เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งที่รู้อยู่ เพราะเหตุตนบ้าง เพราะเหตุผู้อื่นบ้าง เพราะเหตุเห็นแต่สิ่งเล็กน้อยบ้าง
7 ลักษณะของการพูดเท็จ
ปด=โกหกจังๆ
ทนสาบาน=ทำผิดไม่ยอมรับ
ทำเล่ห์กระเท่ห์=อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงให้หลงเชื่อ
มารยา=แสร้งทำให้หลงเชื่อ
ทำเลศ=ให้ผู้อื่นตีความคลาดเคลื่อนเอาเอง
เสริมความ=พูดเรื่องมีมูลน้อยให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น
อำความ=ปกปิดเรื่องมากให้เป็นเรื่องเล็ก..
Check it out! การพูดเท็จ คือเจตนาให้ฟังผิดจากเป็นความจริง อีกทั้งยังรวมถึงเรื่องการพูดให้ผู้อื่นหลงผิดด้วย โอ้โห..พอมาแจงในรายละเอียดคำพูดเท็จ.. มันยิบย่อยแท้.. บาปข้อนี้บอกได้เลยว่า ทำง่าย.. บางคนก็ทำเป็นอาจิณโกหกเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยตั้งแต่เด็ก.. ไม่นานก็กลายเป็นโกหกใหญ่ พอโกหกใหญ่มักจะแฝงด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆตามมาเช่น โกหกว่าชอบ ว่ารักแล้วลวงไปขืนใจ..ผู้หญิงก็อายไม่ปริปากพูดอะไร ทนก้มหน้ารับกรรม เลยตามเลยเพราะคำว่า รัก
มันค้ำคอ! จะแจ้งความหรือก็อายประชาชี ทนให้ผู้ชายเลวซ้ำเติมตบตี เพราะไม่กล้าแจ้งความ หากเราอ้างอิงหลักการของพระพุทธเจ้าตามนี้แล้ว.. เข้าใจเวลาเลยค่ะว่า พระต้องไม่มุสาอย่างแน่นอน.. เพราะเคยมีคนบอกว่า พระองค์นี้มุสา เธออย่าไปเชื่อ เอ๊ะ..ทั้งๆที่พระองค์นี้เขาก็เล่าเองว่า.. เขารู้จักตั้งแต่อายุ 15?
พระท่านรู้ศีลขนาดนี้ไหนจะปฏิบัติตนมาหลายพรรษา ยกเว้นท่านจะได้ฟังความผิดๆ แล้วมาเล่าต่อ! เอ้าระยำจริง พระผิดเหรอเนี่ย? รับบาปในนรกกันไปค่ะ
คนมีกิเลสเสวนาเรื่องธรรมะ.. ถือเป็นการเช็คบาปกรรมกับตัวผู้เขียนเอง..หลวงพ่อสอนไว้ ปากสุนัขไม่มีงาช้าง.. เจตนาใครทำอย่างไรทราบกับใจตัวเอง..ไม่ต้องไปโชว์โง่ให้ใครเขานินทาหาว่า 'ถ่มน้ำลายรดฟ้า ยังไง้ก็รดถึงหน้าตัวเองเหม็นฉึ่ง..' เอาน่า..ทุกอย่างสำคัญที่ใจ..
ไม่สรุปเนื้อหาแล้วนะคะ ขอจบดื้อๆ ไปกินข้าวมันไก่มื้อเช้า อะโอววว...กำลังร้อนๆ เชียว!
อนุโมทนาธรรมทานให้แก่ครอบครัว ครูบาอาจารย์ รวมถึงคนที่ดิฉันรัก คนรัก เคยรัก กำลังจะรัก และรักดิฉันทุกคน (ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะเกรงคนเข้าใจผิดคิดอกุศล) เจ้ากรรมนายเวรผู้ใดที่ดิฉันได้เคยล่วงล้ำไม่ว่าจะตั้งหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ขอให้มีส่วนได้ธรรมทานบุญครั้งนี้ด้วย
ขอให้พวกเขามีความสุขกับบุญนี้ ขอบุญกุศลครั้งนี้จงทำให้เขาอโหสิกรรมให้ดิฉันด้วยเถิด!..
many inspiration thanks to pra-trai-bi-dok
wrote by cho. presley