กระดานสนทนาวัดบางพระ
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
กระดานสนทนา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานสนทนาวัดบางพระ
»
หมวด เส้นทางสายบุญ
»
เส้นทางสายบุญตามภาคต่างๆ ของไทย และเส้นทางสายบุญในต่างประเทศ
»
เส้นทางสายบุญภาคเหนือ
»
ชม เวียงกุมกาม เมืองหลวงล้านนา
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: ชม เวียงกุมกาม เมืองหลวงล้านนา (อ่าน 5185 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ธรรมะรักโข
มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
อัฏฐมะ
กระทู้: 749
เพศ:
ผู้รักษาธรรม
ชม เวียงกุมกาม เมืองหลวงล้านนา
«
เมื่อ:
18 ม.ค. 2553, 06:42:06 »
ชม เวียงกุมกาม เมืองหลวงล้านนา
จากเอกสารพงศาวดารโยนก ระบุว่า เวียงกุมกาม เป็นเมืองที่ พญามังราย กษัตริย์แห่งโยนกนครสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงแรกของล้านนา แต่เวียงกุมกาม ก็เป็นเมืองหลวงได้ไม่นาน เพราะประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี พญามังรายจึงโปรดให้สร้าง นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ อันมีชัยภูมิที่เหมาะสมเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่
เวียงกุมกามล่มสลายลงเพราะน้ำท่วมครั้งใหญ่ เมื่อครั้งพม่าแผ่อำนาจเข้ามาเมื่อปี พ.ศ.2101-2317 ทำให้เวียงกุมกามถูกฝังจมอยู่ใต้ตะกอนดินจนยากที่จะฟื้นฟู ประกอบกับอุทกภัยครั้งนั้น แม่น้ำปิงเปลี่ยนร่องน้ำไม่ไหลผ่าน จึงถูกทิ้งร้างมานับร้อยปี จนมีความเชื่อว่าเวียงกุมกามเป็นเพียงเมืองในตำนาน
เมื่อปี พ.ศ.2527 หน่วยศิลปากรที่ 4 กรมศิลปากร ขุดแต่งวิหารกานโถมที่ วัดช้างค้ำ ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในเวียงกุมกาม จนทำให้เรื่องราวของเมืองในตำนาน นครโบราณใต้พิภพแห่งนี้ ปรากฏเป็นจริงขึ้น
จากการศึกษาค้นคว้าของนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ ต่างยืนยันและเชื่อได้ว่า ในเขตท้องที่หมู่ 11 ต.ท่าศาลา อ.สารภี อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าเวียงกุมกาม จุดสำคัญของเวียงกุมกาม มีโบราณสถานที่น่าสนใจอยู่ 5 แห่ง หลังจากที่บูรณะแล้ว โดยยังคงสภาพความสมบูรณ์ในรูปแบบของสถาปัตยกรรม ในส่วนของเจดีย์ และอุโบสถ แลดูเป็นเอกลักษณ์ สวยเด่นเป็นสง่า เหมาะแก่การศึกษาและเดินทางเที่ยวชม
เริ่มที่ วัดกานโถม หรือ วัดช้างค้ำ จากเอกสารพงศาวดารโยนกระบุว่า พญามังรายโปรดให้สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.1833 ลักษณะพระอุโบสถ ประกอบด้วยฐานเจดีย์กว้าง 12 เมตร สูง 18 เมตร มีซุ้มพระจำนวน 4 ทิศ ลดหลั่นเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวน 4 องค์ ส่วนชั้นบนประดิษฐานไว้จำนวน 1 องค์
อีกทั้งยังพบหลักจารึกหินทรายสีแดง ที่มีลักษณะอักษรผสมผสานกันระหว่าง อักษรมอญ อักษรไทย และอักษรสุโขทัย ที่นำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม
นอกจากนี้ในบริเวณวัดกานโถม ยังมีต้นศรีมหาโพธิ์เก่าแก่ ที่อัญเชิญเมล็ดจากลังกามาปลูกไว้ และยังมีหอพญามังราย ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนในละแวกนั้นมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
เมื่อเดินมาสักระยะจะพบกับ วัดอีก้าง ซึ่งอยู่ติดกับแนวคูน้ำคันดิน ด้านทิศตะวันตกของเมือง วัดอีก้างประกอบด้วยวิหารและเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบล้านนา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ในรัชสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว ประมาณปี พ.ศ.2060
ถัดมาเป็น วัดปู่เปี้ย ตั้งอยู่บริเวณที่เข้าใจว่าเป็นแนวคูน้ำคันดิน ด้านทิศตะวันตกของเวียงกุมกาม ประกอบด้วยวิหาร เจดีย์ อุโบสถ ส่วนองค์เจดีย์มีศิลปกรรมแบบสุโขทัย และแบบล้านนารวมกัน คือมีเรือนธาตุสูงรับองค์ระฆังขนาดเล็ก อายุการสร้างเจดีย์วัดปู่เปี้ยน่าจะอยู่ในรัชสมัย พญาติโลกราช พ.ศ.1988-2068
บริเวณใกล้ๆ กันเป็น วัดพระธาตุขาว ตั้งอยู่บริเวณนอกแนวคูเมือง เจดีย์เป็นลักษณะกลม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมแบบศิลปะล้านนา อายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นฉาบด้วยปูนขาวขนาดใหญ่ เข้าใจกันว่าชื่อวัดคงเรียกตามลักษณะของพระพุทธรูปนี้
สุดท้ายที่ วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือ วัดกู่คำ เจดีย์เหลี่ยม (เจดีย์กู่คำ) มีขนาดฐานกว้าง 8 วา 1 ศอก สูง 22 วา ถอดแบบวัดจามเทพเทวี จ.ลำพูน เป็นศิลปกรรมแบบลพบุรี มีพระพุทธรูปยืนอยู่ในซุ้มทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 15 องค์ รวม 60 องค์ ยอดเจดีย์มีลักษณะแหลมขึ้นไปเป็นตุ่ม ไม่มีฉัตรเหมือนเจดีย์ทั่วไป
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2541 มีการบูรณะ โดยใช้ช่างชาวพม่า เป็นผู้ดำเนินการด้านลวดลายต่างๆ ทั้งหมด ทำให้ซุ้มพระและองค์พระจึงมีลักษณะศิลปกรรมแบบพม่า อย่างที่เห็นจนถึงปัจจุบัน
อีกทั้งยังมีวัดที่บูรณะแล้วเสร็จอีก 4 แห่ง ที่มีเพียงฐานรากของอุโบสถ ไว้ให้ชมและศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็น วัดกู่ป้าด้อม วัดพระเจ้าองค์ดำ วัดพญามังราย และวัดหัวหนอง โดยวัดทั้ง 4 แห่ง มีการขุดพบโบราณวัตถุมากมาย เช่น พระพุทธรูปสำริดขนาดเล็กหลายองค์ เป็นศิลปะแบบล้านนาและเขมร ตลอดจนพระพิมพ์แบบหริภุญไชย เป็นต้น และยังมีเนินดินโบราณสถาน ที่ยังรอขุดแต่งและบูรณะอีกกว่า 11 แห่ง
เป็นที่น่าสังเกตว่า การสร้างวัดในเมืองเวียงกุมกามแห่งนี้ พระอุโบสถของวัด จะหันหน้าไปในทางทิศเดียวกันคือ ทิศของแม่น้ำปิงที่ไหลพาดผ่านเมืองทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นแม่น้ำปิงสายเก่า ก่อนที่แม่น้ำสายนี้จะไหลเปลี่ยนทิศทาง นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนในสมัยโบราณมีความผูกพันตลอดถึงความเชื่อต่อสายน้ำในชุมชน
เวียงกุมกามจากเมืองที่เคยหลับใหลกลายเป็นเพียงเมืองในตำนาน กลับฟื้นตื่นมาสะท้อนความรุ่งเรืองในอดีต
ขอขอบคุณ...หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน เรื่องและภาพโดย สกล ทองหมี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
กระดานสนทนาวัดบางพระ
»
หมวด เส้นทางสายบุญ
»
เส้นทางสายบุญตามภาคต่างๆ ของไทย และเส้นทางสายบุญในต่างประเทศ
»
เส้นทางสายบุญภาคเหนือ
»
ชม เวียงกุมกาม เมืองหลวงล้านนา