

คมชัดลึก : "งานไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น" หรือ "พระอุดมประชานาถ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่ลูกศิษย์ขนานนามให้เป็น "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี" จะทำกันทุกปีในวันเสาร์ของเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม

สาเหตุที่ทำพิธีกันในวันเสาร์ บูรพาจารย์กล่าวไว้ว่า วันเสาร์เป็นวันที่แข็งที่สุด พิธีการอันใดที่วัดจัดขึ้นในวันนี้ จะมีกฤตยานุภาพเข้มแข็งมาก วันบูชาครูเป็นวันที่เสมือนหนึ่งเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีน้อมระลึกเคารพนับถือบุญคุณของบูรพาจารย์ ครูบาอาจารย์ คณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ วิชาไสยเวท คาถาอาคม คัมภีร์ต่างๆ ให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งมั่นกระทำแต่ความดี โดยปีนี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๓๙ น.
อย่างไรก็ตาม แม้หลวงพ่อเปิ่นจะมรณภาพไปแล้ว ๘ ปี (เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ เวลา ๑๐.๕๕ น. อายุ ๗๙ ปี ๕๔) แต่พระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ยังคงสืบทอดการสักยันต์ตามตำราของหลวงพ่อเปิ่นไว้อย่างสมบูรณ์
ในวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ถือเป็นวันชุมนุมลูกศิษย์นับหมื่นคน จากทั่วทุกสารทิศ ยังคงแห่ร่วมพิธีไหว้ครูกันเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง ที่น่าสนใจในวันไหว้ครู คือศิษย์คนใดสักยันต์รูปสัตว์ชนิดใดก็จะแสดงอาการของสัตว์ชนิดนั้นๆ ตลอดช่วงพิธีไหว้ครู ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเป็นอย่างยิ่ง
ลานโล่งด้านหน้ารูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น เบียดเสียดยัดเยียด นำพานดอกไม้มาบูชาครู ส่วนภายในวงสายสิญจน์ ผู้คนนั่งเบียดเสียดแออัดกันเต็มสนามรอบสายสิญจน์ที่ดูแคบไปถนัดใจ มองนอกวงสายสิญจน์ ผู้คนมามุงแออัดทั้ง ๔ ด้าน ต่างรอคอยด้วยใจอันจดจ่อต่อพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
ครั้นได้ฤกษ์ พิธีเริ่มขึ้นเวลา ๐๙.๓๙ น. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ หรือหลวงพ่อสำอาง เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้เดินผ่านหมู่ลูกศิษย์ที่พนมมือกราบไหว้ตลอดระยะทาง จนขึ้นสู่ปะรำพิธี หมู่ลูกศิษย์ที่อยู่ในวงสายสิญจน์ บางคนก็เกิดอาการที่เรียกว่า "ของขึ้น"
คนที่ของขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดแก่คนที่มีความเลื่อมใส จิตใจตั้งมั่นยึดมั่นในครูบาอาจารย์ อ่อนไหวง่าย เมื่อหลับตาระลึกถึงครูบาอาจารย์ท่าน พวกที่สักอักขระที่เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น สักรูปเสือเผ่น ก็กางเล็บกระโดดโจนทะยานวิ่งเข้าหาหลวงพ่อหน้าปะรำพิธี

ขณะที่หลวงพ่อเริ่มทำการบวงสรวง จุดธูปเทียน บูชาครู บูรพาจารย์ ผู้ที่สักเป็นรูปหนุมานก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาเข้าหา ที่สักหมูป่าก็แผดเสียงร้องก้อง วิ่งเข้าหาหลวงพ่อ บนพื้นดินก็มีคนคลานเลื้อยเหมือนปลาไหล
ที่น่าแปลกก็คือ ภายหลังจบพิธี ไม่พบร่องรอยบาดแผล ถลอก หรือเลือดตกยางออกให้เห็นเลย บางคนของขึ้น ก็ทำท่าทางยกมือเหมือนถือไม้เท้าเดินกระย่องกระแย่ง ลักษณะเหมือนฤาษี ตอนนี้โกลาหลไปหมด คนที่นั่งในวงสายสิญจน์ต่างก็แตกตื่นลุกหนีคนที่ของขึ้น ต้องคอยหลบหลีกพวกที่ของขึ้น วิ่งเข้าหาปะรำพิธีกันอลหม่าน
ภายในสนามรอบสายสิญจน์ คนที่ของขึ้นต่างก็วิ่งเข้าหาหน้าปะรำพิธี แต่ก็มีพวกลูกศิษย์ที่จิตใจแข็ง ไม่เกิดอาการของขึ้น หลายคนช่วยกันจับคนที่ของขึ้นที่มีกำลังวังชามากมาย ที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน
วิธีแก้ของขึ้น ก็โดยการใช้ ๒ มือ ตบที่หูเบาๆ หรือใช้มือลูบหน้าตรงจมูก หรือยกขาให้สูงกว่าตัว การไม่ให้ของขึ้นจะเตือนสติให้หายใจลึกๆ ให้ลืมตา ไม่ให้หลับตา
เคยถามคนที่ของขึ้นว่า รู้สึกยังไง เขาก็ตอบว่า ระหว่างหลับตาอยู่ในภวังค์ สติวูบไปอย่างไม่รู้สึกตัวว่า ตัวเองทำอะไรไปบ้าง
สำหรับอาการของขึ้นในวันไหว้ครูนั้น พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือหลวงพี่ญา อธิบายว่า เกิดจากจิตและศรัทธาของผู้สักยันต์ พวกที่สักอักขระที่เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น สักรูปเสือเผ่น ก็กางเล็บกระโดดโจนทะยานวิ่งเข้าหาหลวงพ่อหน้าปะรำพิธี ขณะที่หลวงพ่อเริ่มบวงสรวง จุดธูปเทียนบูชาครูบูรพาจารย์ ผู้ที่สักเป็นรูปหนุมานก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาเข้าหา ที่สักหมูป่าก็แผดเสียงร้องก้อง วิ่งเข้าหาหลวงพ่อ บนพื้นดินก็มีคนคลานเลื้อยเหมือนปลาไหล
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า อาการของขึ้นมีทั้งขึ้นจริงและขึ้นตามเพื่อน รายที่ขึ้นตามเพื่อน เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจจะคิดไปเองว่าไม่ขลัง จึงต้องทำแกล้งบ้าง รายที่แกล้งขึ้นจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป อาการของขึ้นมากที่สุด น่าจะเป็นเสือเผ่น รองลงมาเป็นฤาษี (พ่อแก่) หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง และปลาไหล ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีคนสักยันต์รูปเสือเผ่นมากกว่าสัตว์อื่นๆ
ส่วนจำนวนลูกศิษย์ที่มาสักยันต์เพิ่มขึ้น มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ คนในสังคมปัจจุบันขาดกำลังใจ และเชื่อว่า อักขระเลขยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นสามารถช่วยบรรเทาทุกข์ได้
รวมทั้งการเสนอข่าวของสื่อมวลชน คำเล่าขานของคนรุ่นก่อนๆ และการคมนาคมที่สะดวกขึ้น บางวันมีคนมาตั้งแต่ ๖ โมงเช้า สักยันต์ไปจนถึงมืดค่ำก็มี ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะเป็นร้อยคน เหตุที่คนสักมากขึ้น สภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเมตตามหานิยม คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย
หลวงพี่ญา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ใครที่สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลัง มีพุทธเข้มขลังเสมอไป ทั้งนี้ ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ๑.ศีล ๕ อย่าให้ขาด โดยเฉพาะข้อ ๓ ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์ นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์อีก คือ ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง และ ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว อุปเท่ห์ของผู้ที่สักยันต์ จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณ อย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว"
ขอบคุณภาพและข้อมูลโดย
0 เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู 0
0 ภาพ ประเสริฐ เทพศรี 0[/color]
http://www.komchadluek.net/detail/20100301/50358/เสือขึ้นปีเสือวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปี๕๓.html