๒๕ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๑๖ น.
ริมฝั่งโขง ชายขอบประเทศไทย
" คนเขียนกลอนนอนเปล่าก็เศร้าจิต "จึงใช้เวลาที่ว่างจากภาระกิจ
มาฝึกฝน ทบทวนความจำในเรื่องฉันทลักษณ์ สำนวนและตัวอักษร
เขียนกาพย์เขียนกลอน บทความบทกวี ดีกว่านอนอยู่เปล่าๆ...
สุดท้ายของการเดินทาง
เหนื่อยนักอยากพักผ่อน เพราะแรมรอนมายาวไกล
ทั่วทุกท้องถิ่นไทย ก้าวเดินไปตามเวลา
หยุดพักริมฝั่งโขง จุดเชื่อมโยงเมืองมุกดา
เร่งรัดพัฒนา บุกเบิกป่าสร้างอาราม
เพื่อนพ้องและน้องพี่ ทุกถิ่นที่เฝ้าติดตาม
ดูแลและไถ่ถาม อยู่ทุกยามไม่ร้างลา
ห้าปีที่สรรค์สร้าง จากรกร้างเป็นวัดวา
วิหารตระการตา โบสถ์ศาลาพระเจดีย์
ร่วมแรงและร่วมใจ สำเร็จได้ทุกถิ่นที่
ด้วยความสามัคคี จึงได้มีวัดขึ้นมา
เหนือใต้กลางอีสาน ก้าวเิดินผ่านตลอดมา
ร้อยป่าร้อยภูผา ก้าวผ่านมาทุกถิ่นไทย
วันนี้อยากจะพัก เป็นแหล่งหลักเพื่อพักใจ
รอนแรมมายาวไกล อยากพักใจภาวนา
ดูกายและดูจิต ดูความคิดดูปัญหา
สำรวมกายวาจา เพื่อรักษากายและใจ
ดูกายและดูจิต เห็นความคิดแล้วแก้ไข
ให้เห็นทั้งนอกใน กายและใจของตนเอง
เหนื่อยนักอยากพักผ่อน เขียนกาพย์กลอนกล่อมบรรเลง
ร้อยเรียงเป็นเสียงเพลง กล่อมบรรรเลงก่อนนิทรา
นิทราไปกับธรรม ทุกเช้าค่ำภาวนา
ตามธรรมองค์สัมมา ปรารถนาซึ่งนิพพาน...
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๕ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๘.๒๗ น. ณ ริมฝั่งโขง ชายขอบประเทศไทย