วันเสาร์ที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ณ ริมฝั่งโขง มุกดาหาร ชายขอบประเทศไทย
แม่น้ำโขงเหือดแห้งลงไปทุกขณะ
วิถีชีวิตของคนริมฝั่งน้ำกำลังเปลี่ยนไป
เรือประมงจอดเทียบท่าอยู่เรียงราย
ผู้คนสูญหายไปจากตลาดแพปลา
ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าและเสียงพูดคุยสนทนา
กาลเวลากำลังเปลี่ยนแปลงไปไม่แน่นอน
ลมร้อนของเดือนมีนาพัดมาต้องกาย
ฤดูร้อนกำลังมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง
ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไปอะไรก็เกิดขึ้นได้
อากาศที่ร้อนอบอ้าวก็พลันหายไป
ความหนาวได้เข้ามาแทนที่โดยฉับพลัน
สายลมหนาวพัดผ่านมาอย่างรุนแรง
อุณหภูมิของอากาศลดลงอย่างรวดเร็ว
กลางวันจากสี่สิบองศาลดลงมาเหลื่อเพียงยี่สิบแปด
กลางคืนจากยี่สิบแปดองศามาเป็นสิบหกองศา
เดือนมีนาต้องใส่เสื้อหนาวแล่ห่มผ้านวมนอน
ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป...อะไรก็เิกิดขึ้นได้เสมอ
โลกมันเป็นเช่นนั้นเอง
เป็นไปตามกฏของพระไตรลักษณ์
คือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่เที่ยงแท้ เป็นทุกข์ ยึดถืออะไรไม่ได้
ฤดูกาลอาจเปลี่ยนแปลงไปแต่จิตใจอย่าเปลี่ยนแปลง
ขอให้ความศรัทธามั่นคงในคุณงามความดีจงคงอยู่
อยู่กับธรรมและจงมีธรรมเป็นเครื่องอยู่คุ้มครองจิต
ถึงโลกนี้จะวิปริตแต่จิตใจอย่าหวั่นไหวไปตามมัน
ขอให้ศรัทธาในธรรมนั้นจงมั่นคงและยืนยาว
เพียงรู้ธรรม เห็นธรรม เข้าใจธรรม
แต่ยังไม่ได้ทำไม่ได้นำมาปฏิบัติ
ถือว่ายังอยู่นอกธรรม เพราะยังไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่
เป้นเพียงผู้ดูผู้รู้ผู้เห็นแต่ยังไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติธรรม
เหมือนกับคนที่ยืนดูอยู่นอกตัวอาคาร
เมื่อสายฝนตกลงมาย่อมจะเปียกปอน
เพราะว่าไม่มีที่มุงที่บังหลังคาที่จะป้องกันฝน
เหมือนกับคนที่ไม่ได้อยู่ในธรรมไม่มีธรรมเป้นเครื่องอยู่
เมื่อโลกนี้วุ่นวายใจของเขาย่อมเป็นทุกข์ไปกับมัน....
เชื่อมั่นและศรัทธา ปรารถนาอยู่ในธรรม
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๒๗ มีนาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๖.๔๐ น. ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ชายขอบประเทศไทย