อืมตอบยากนะนี่ แต่ลองอ่านบทความข้างล่างดูครับผม
คุณทราบหรือไม่ว่าพระเครื่องที่คุณแขวนกันอยู่นั้น เริ่มขึ้นเมื่อใด?
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาสู่ประเทศไทยในสมัยพุทธกาลหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว ศาสนาพุทธเริ่มแผ่ขยายเข้ามาเมื่อใดนั้นไม่ค่อยจะทราบแน่ชัด แต่ทว่าวัตถุมงคลในพุทธศาสนานั้นหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า พระเครื่อง หรือพระเครื่องราง คือคนในสมัยนั้นได้หยิบยกเอาว่า พระเครื่องดังกล่าวเป็นเสมือน สมมติองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มีขนาดเล็ก สร้างเอาไว้เพื่อเป็นของมงคลสำหรับบรรจุไว้ใน เจดีย์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าและเพื่อสืบสานพระพุทธสนาต่อไป
ประวัติเริ่มต้นที่ค่อนข้างชัดเจนก็คือ ปรากฎหลักฐานภายหลังการสร้างพระพุทธรูป ราวพุทธศักราช ๕๐๐ ในสมัยทวาราวดี (สมัยทวาราวดี ราวพ.ศ.๔๐๐ -พ.ศ. ๑๒๐๐)และสมัยศรีวิชัย (พ.ศ. ๑๓๐๐) โดยการสร้างพระบูชาขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ที่มาเคารพสังเวชนียสถาน เพื่อใช้ระลึกถึงคุณของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในสมัยนั้นไม่ทราบว่าเรียกพระบูชานั้นว่าอะไรรู้แต่เพียงว่านิยมติดตัวกันไว้เสมือนเครื่องรางของขลัง ไว้เวลาออกรบหรือเดินทางไปในต่างแดน ซึ่งก็มีพระพุทธคุณเชื่อกันว่ากันภูตผีปีศาจได้ซึ่งก็นับเป็นความเชื่อเล่าขานต่อๆกันมา
ส่วนความหมายของคำว่าพระเครื่องในไทยนั้น เริ่มเกิดมีขึ้นมาในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่๕ที่ทรงรับสั่ง ให้นำเครื่องจักรจากยุโรปมาเพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ ทำให้เกิดมีการผลิตเหรียญของเกจิอาจารย์ชื่อดังตามมาอีกเป็นลำดับ ทำให้ผู้คนเรียกพระที่ผลิตมาจากเครื่องจักรพิมพ์เหรียญนั้นติดปากกันต่อมาว่า พระเครื่อง หรือเรียกพระองค์เล็กๆ ที่เป็นพระพิมพ์เรียกเหมารวมกันว่า พระเครื่อง เช่นเดียวกันพระเครื่องส่วนใหญ่ จะจัดสร้างให้มีขนาดเล็กเพื่อที่จะสามารถสร้างได้จำนวนมากๆและแจกกันทั่วถึงแก่บรรดาญาติมิตร เพื่อใช้สำหรับบรรจุในพระพุทธเจดีย์และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ใช้ใส่เป็นวัตถุมงคล เป็นที่นิยมแก่ผู้พบเห็น ป้องกันภัย หรือคุณไสยต่างๆได้ ตามความเชื่อต่างๆนาๆแล้วเมื่อพูดถึงใช้ใส่เพื่อป้องกันภัยต่างๆแล้ว ก็จะขอพูดถึงว่า ทำไมพระเครื่องถึงนำมาใช้ยกเป็นความเชื่อในเรื่องของการป้องกันภูตผีปีศาจกันสักหน่อยที่มาก็คงจะเพราะผู้มีศักดิ์สูงชอบใช้คำนำหน้าตนเองว่า พระ เหตุผลก็คือความเชื่อของคนไทยนั้นเปรียบพระ เป็นของที่สูง น่าเคารพบูชาและเพื่อดำรงพระพุทธศาสนาสืบไป เราจึงนิยมเรียกขานนามผู้มีศักดิ์สูงนั้นไปต่างๆ เช่นพระยา เจ้าพระยา หรือ คุณพระ แม้แต่คำว่า พระมหากษัตริย์นำหน้าชื่อทุกครั้งทั้งนี้ก็เพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของชื่อ เพื่อเป็นที่รักใคร่เคารพแก่ผู้คนทั่วไป
ชายทุกคนที่เกิดมาในสยามประเทศและศรัทธาอยู่ใต้ร่มบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งหนึ่งในชีวิตก็ควรที่จะได้บวชห่มผ้าเหลืองสักครั้งเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา เป็นหญิงก็ให้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเพื่อดำรงคุณงามความดีบอกต่อพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่สืบต่อไป แม้แต่คนที่ตายไปแล้วก็ยังคงต้องพึ่งพระสงฆ์องค์เจ้ามาสวดพระอภิธรรม ส่งวิญญาณละสังขารไปอยู่ในที่สงบตามแต่บุญและกรรมที่ทำกันมา
ด้วยเหตุผลนี้ ภูตผีปีศาจต่างๆ ได้ทราบในพระพุทธคุณอันมหาศาลนี้ก็เกรงกลัวไม่อาจทำอันตรายใดๆได้ แม้เป็นผี ก็อยากที่จะพ้นบ่วงกรรม แต่ไม่อาจกระทำได้เหมือนตอนที่อยู่ในชาติมนุษย์ การจะไปหลอกหรือแกล้งผู้คนให้กลัวแก่ตนนั้นก็จะถือเป็นบาปติดตัวไปอีก ผีตนไหนดื้อไปแกล้งหลอกชาวบ้าน พอไปพบว่าชาวบ้านคนนั้นแขวนพระบูชามีศีลธรรมติดตัวมาบ้าง ก็ต้องกลัวเกรงระลึกถึงบาปบุญคุณโทษ เมื่อผีตนนั้นนึกถึงพระพุทธคุณขึ้นมาได้ ก็จำต้องล่าถอยไปนี่คือที่มาว่า[bgcolor=#ff8900]ทำไมผีถึงกลัวพระ[/bgcolor]
แต่ในปัจจุบันนี้รู้สึกว่าคนจะไม่ค่อยกลัวผีกันแล้ว จะกลายเป็นว่าคนกลัวคนด้วยกันเองมากกว่า คนหลอกคนนี่น่ากลัวมากๆ แขวนพระสักกี่องค์ก็ทำอะไรไม่ได้
เอาเป็นว่าขอให้พวกเราที่เคารพบูชาพระเครื่องโปรดช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปด้วย ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีไม่คดโกงใคร หากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กินอยู่อย่างพอเพียง มีชีวีตที่เป็นสุข
ข้อมูลจาก http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=1852