ผู้เขียน หัวข้อ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.  (อ่าน 3295 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ pepsi

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 325
  • เพศ: ชาย
  • ทําดี คิดดี พูดดี
    • ดูรายละเอียด
    • http://sbntown.com/forum/group.php?groupid=33
น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« เมื่อ: 04 มิ.ย. 2553, 04:34:56 »
การปฎิบัติ วิปัสสะนากรรมฐาน...
ผมใช้กองกรรมฐาน โดยการเภาวนา พุทธ โธ  พอจิตเริ่งสงบ จะพบกับความว่างเปล่าตลอดเลยครับ
คือแบบว่า นิ่งอยู่อย่างนั้นตลอด มีแต่ความสว่าง  โดยปราศจากลมหายใจ.

พอได้สติ ก็กลับมาเภาวนา พุทธ โธ ใหม่  ก็ดูแล้วเหมือนกับไปเริ่มต้นใหม่. แล้วก็เป็นแบบเดิมอีก.

จึงอยากกราบเรียนถามครับ...ว่าทําไมถึงเป็นแบบนี้.
และทําอย่างไร ให้ผ่านจุดนี้ไปได้.

บอกตรงๆว่าทุกวันนี้เป็นกังวลครับ.  เพราะผมปฎิบัติวันละ 2 เวลาทุกวัน.... คือ 5 ทุ่มถึง ตี 1
และ 6 โมงเช้า-7โมงเช้า.

กราบขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ.



กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน

ออฟไลน์ seka

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 89
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 04 มิ.ย. 2553, 06:09:11 »
กังวลเรื่องอะไรเหรอครับ เผื่อพี่ๆที่รู้อาจไขข้องใจให้ท่านได้

ออฟไลน์ pepsi

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 325
  • เพศ: ชาย
  • ทําดี คิดดี พูดดี
    • ดูรายละเอียด
    • http://sbntown.com/forum/group.php?groupid=33
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 04 มิ.ย. 2553, 07:36:52 »
ขอบคุณครับพี่...คือว่าผมคิดว่าผมเดินผิดทางหรือเปล่า
คือเภาวนา พุทธ โธ  หรือต้องเปลี่ยนกองกรรมฐานครับ

บางท่านก็บอกลองเภาวนา สัมมา อรหัง  หรือไม่ก็ ยุบหนอ พองหนอ
ผมทําดูแล้ว จิตออก วอกแวกครับ แบบว่าจิตสั่น

ใจก็อยากจะเปลี่ยนมาเป็นเพ่งกสิณ  แต่ไม่กล้าพอครับ.(แบบว่า เพ่งดูศพ)

พี่พอแนะนํา ได้บ้างหรือเปล่าครับ.
ตอนนี้ตันไปหมดครับ.......เคยไปปรึกษาพระสายวิปัสสะนา  ท่านก็บอกให้ยกความว่างเปล่า เอามาเป็นจริตครับ.
ผมก็ลองเอามาทําดู ก็ไปไม่ได้เหมือนเดิม.....ใจก็อยากจะบวชให้หมดเรื่อง แต่ก็ติดหลายๆอย่าง.

ยังไงก็ขอขอบคุณนะครับ.....

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 10:02:46 »
เจริญพร...
             การปฏิบัตินั้นเดินมาถูกทางแล้ว เพราะตรงกับจริตของเรา แต่ต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่
การทำกรรมฐานโดยการภาวนา" พุทโํธ"ควบคูกับลมหายใจเข้าออกนั้น มันเป็นกรรมฐานที่ซ้อนกันอยู่
คำว่าพุทโธนั้นเป็นคำบริกรรมภาวนาเป็นพุทธานุสสติคือระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ส่วนลมหายใจนั้น
เป็นอานาปานุสสติ เป็นกรรมฐานสองกองที่ปฏิบัติคู่กัน  การบริกรรมภาวนานั้นเมื่อจิตสงบคำบริกรรมก็จะหายไป
(ที่สุดของพุทโธคือไม่มีพุทโธ) เหลือเพียงสภาวะรู้การเข้าออกของลมหายใจ และเมื่อจิตสงบเป็นสมาธิยิ่งขึ้น
จะเกิดการแยกกายแยกจิต จิตจดจ่ออยู่กับสภาวะรู้ ทิ้งลมทิ้งกาย รู้เพียงความนิ่ง สงบ สว่าง ในอารมณ์ของฌาน
ทั้งสี่นั้น สติยังมีอยู่ แต่จิตไม่ปรุ่งแต่ง ถ้าขาดสตินิ่งไป ไม่รู้ไม่เห็นอะไรนั้นภาษานักปฏิบัติเขาเรียกว่าเข้าภวังค์
(ทิ้งดิ่ง) เมื่อจิตสงบเห็นความสว่างและความว่างเปล่าแล้ว ทรงไว้ในอารมณ์นั้นให้นาน(เรียกว่าการเคี่ยวจิต)
ทรงไว้จนพอใจแล้วจึงถอนจิตออกจากอารมณ์สมาธินั้น
         การออกจากอารมณ์สมาธินั้น ต้องออกตามลำดับชั้นขั้นตอน คือค่อยๆถอนจิตกลับมาดูลมหายใจและ
คำบริกรรมภาวนา (เข้าทางไหนต้องออกทางนั้น) เพื่อเรียกสติและสัมปชัญญะให้กลับมาสมบูรณ์ เอาสติระลึกรู้
ไปทั่วกาย  และเมื่อมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว ให้พิจารนาทบทวนการปฏิบัติของเราที่ผ่านมา ว่าตั้งแต่เราเริ่มนั่ง
ภาวนามานั้นความรู้สึกอารมณ์ของเรานั้นเป็นอย่างไร สภาวะธรรมนั้นเดินไปอย่างไร ก่อนที่จิตของเราจะนิ่งสงบนั้น
อารมณ์สภาวะธรรมมันเป็นอย่างไร คือต้องทบทวนใคร่ครวญพิจารณาให้เห็นและจำได้ถึงทางเดินของจิตที่จะไปสู่่่
ความงบ ความสว่าง ความว่างเปล่า การทบทวนพิจารณานั้นเรียกว่าวิมังสาในอิทธิบาทสี่ เพื่อให้เกิดความชำนาญ
เป็นวสี คือจำทางเข้าออกของอารมณ์สมาธินั้นได้
       พยายามทรงอารมณ์นั้นไว้ให้มันเต็มที่เต็มกำลัง เข้าออกอารมณ์นั้นจนมีความชำนาญ จำทางเดินของจิต
ที่จะไปสู่อารมณ์นั้นให้ได้ การปฏิบัติธรรมนั้นอย่าไปใจร้อน ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนมันเต็มที่มีอินทรีย์ที่สมบูรณ์
แล้วจิตมันจะยกขึ้นไปสู่สภาวะธรรมที่สูงยิ่งขึ้นต่อไป เหมือนน้ำที่หยดลงในแก้ว ตราบใดที่น้ำมันยังไม่เต็มแก้ว
มันก็จะไม่ล้น ถึงเราอยากจะให้มันล้น มันก็ล้นไม่ได้ เพราะมันยังไม่เต็ม แต่ถ้ามันเต็มแล้ว มันก็จะล้นไปหาที่อยู่อื่น
ถึงเราไม่อยากจะให้มันไป มันก็ต้องไป ฉันใดฉันนั้น การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ถ้าพละกำลังไม่เต็มที่ บารมีไม่ถึงพร้อม
มันก็ไม่สามารถที่จะยกจิตไปสู่สภาวะธรรมที่สูงยิ่งขึ้นได้ หรือยกขึ้นได้แต่ก็ตั้งอยู่ไว้ทรงไว้ได้ไม่นาน เพราะพื้นฐานอินทรีย์นั้น
ไม่ไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะรองรับสภาวะธรรมนั้น
       หน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรมก็คือทำต่อไป เพิ่มกำลังของสติให้ยิ่งขึ้น ศรัทธาในการประพฤติปฏิบัตินั้นอย่าได้เสื่อมถอย
หน้าที่ของเราคือทำ ผลจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของวิบากกรรม อย่าไปหวังผลในการกระทำว่าจะต้องได้นั่นได้นี่
มีอิทธิฤทธิ์ มีปาฏิหารย์ ได้ฌาน ได้กสิน ได้อภิญญา ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้นมันเป็นผลพลอยได้และต้องมีของเก่าที่เคยทำไว้
มันจึงจะได้มันจึงจะเป็น การปฏิบัติธรรมคือการทำให้กุศลเพิ่มพูนงอกงามยิ่งขึ้น ละลดอกุศลทั้งหลายลง ทรงไว้ซึ่งกุศลให้เพิ่มพูน
                ขอความสุขความเจริญในธรรมจงบังเกิดแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
                           รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 10:33:15 »
กราบมนัสการ กราบขอบ พระคุณพระอาจารย์ ที่เมตตาชี้แนะแนวทางในการสั่งสอนครับ

เป็นความรู้อย่างสูง ขออนุโมธนาสาธุด้วยครับ  :054:

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 12:29:35 »
ขออนุโมทนาครับหลวงพี่ สาธุ............. :090: :090: :114: :090: :090:..............

ออฟไลน์ อภิรัตน์

  • เห็นรอยเท้าพ่อก้มลงดู เห็นรอยเท้าครูก้มลงกราบ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 692
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 01:07:02 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ เป็นความรู้เป็นแนวทางให้ กับผู้แสวงหาแนวทางปฏิบัติ  :054:

ออฟไลน์ siksaka

  • ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่าย ย่อมมีความสุขเสมอ
  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 91
  • เพศ: ชาย
  • ...ชีวิตที่สันโดษ เรียบง่าย ย่อมมีความสุขเสมอ...
    • MSN Messenger - alfamale_5698@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 01:29:21 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
    เป็นความรู้เพิ่มเติมให้กระผมอย่างครับ.......สาธุ  :054:
ชีวิตที่สันโดษ....เรียบง่าย....ย่อมมีความสุขเสมอ

ออฟไลน์ ~เสน่ห์ack01~

  • ผู้คุมกฎ
  • *****
  • กระทู้: 5330
  • เพศ: ชาย
  • " ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 02:42:16 »
กราบนมัสการครับ ขอบพระคุณที่เมตตาสอนขั้นตอนในการทำสมาธิ

ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ 

ออฟไลน์ derbyrock

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 2494
  • เพศ: ชาย
  • สติมา ปัญญาเกิด........ปัญหามา ปํญญามี.......
    • MSN Messenger - derbyrock@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 21 มิ.ย. 2553, 09:26:06 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ จขกทคงได้รับความกระจ่างแล้วน่ะครับ

ความสุขที่แท้จริงรอคอยคุณอยู่.......เพียงแค่คุณนั่งลงแล้วหลับตา

ออฟไลน์ pepsi

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 325
  • เพศ: ชาย
  • ทําดี คิดดี พูดดี
    • ดูรายละเอียด
    • http://sbntown.com/forum/group.php?groupid=33
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 14 ก.ย. 2553, 05:14:35 »
เจริญพร...
             การปฏิบัตินั้นเดินมาถูกทางแล้ว เพราะตรงกับจริตของเรา แต่ต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่
การทำกรรมฐานโดยการภาวนา" พุทโํธ"ควบคูกับลมหายใจเข้าออกนั้น มันเป็นกรรมฐานที่ซ้อนกันอยู่
คำว่าพุทโธนั้นเป็นคำบริกรรมภาวนาเป็นพุทธานุสสติคือระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ส่วนลมหายใจนั้น
เป็นอานาปานุสสติ เป็นกรรมฐานสองกองที่ปฏิบัติคู่กัน  การบริกรรมภาวนานั้นเมื่อจิตสงบคำบริกรรมก็จะหายไป
(ที่สุดของพุทโธคือไม่มีพุทโธ) เหลือเพียงสภาวะรู้การเข้าออกของลมหายใจ และเมื่อจิตสงบเป็นสมาธิยิ่งขึ้น







จะเกิดการแยกกายแยกจิต จิตจดจ่ออยู่กับสภาวะรู้ ทิ้งลมทิ้งกาย รู้เพียงความนิ่ง สงบ สว่าง ในอารมณ์ของฌาน
ทั้งสี่นั้น สติยังมีอยู่ แต่จิตไม่ปรุ่งแต่ง ถ้าขาดสตินิ่งไป ไม่รู้ไม่เห็นอะไรนั้นภาษานักปฏิบัติเขาเรียกว่าเข้าภวังค์
(ทิ้งดิ่ง) เมื่อจิตสงบเห็นความสว่างและความว่างเปล่าแล้ว ทรงไว้ในอารมณ์นั้นให้นาน(เรียกว่าการเคี่ยวจิต)
ทรงไว้จนพอใจแล้วจึงถอนจิตออกจากอารมณ์สมาธินั้น
         การออกจากอารมณ์สมาธินั้น ต้องออกตามลำดับชั้นขั้นตอน คือค่อยๆถอนจิตกลับมาดูลมหายใจและ
คำบริกรรมภาวนา (เข้าทางไหนต้องออกทางนั้น) เพื่อเรียกสติและสัมปชัญญะให้กลับมาสมบูรณ์ เอาสติระลึกรู้
ไปทั่วกาย  และเมื่อมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว ให้พิจารนาทบทวนการปฏิบัติของเราที่ผ่านมา ว่าตั้งแต่เราเริ่มนั่ง
ภาวนามานั้นความรู้สึกอารมณ์ของเรานั้นเป็นอย่างไร สภาวะธรรมนั้นเดินไปอย่างไร ก่อนที่จิตของเราจะนิ่งสงบนั้น
อารมณ์สภาวะธรรมมันเป็นอย่างไร คือต้องทบทวนใคร่ครวญพิจารณาให้เห็นและจำได้ถึงทางเดินของจิตที่จะไปสู่่่
ความงบ ความสว่าง ความว่างเปล่า การทบทวนพิจารณานั้นเรียกว่าวิมังสาในอิทธิบาทสี่ เพื่อให้เกิดความชำนาญ
เป็นวสี คือจำทางเข้าออกของอารมณ์สมาธินั้นได้
       พยายามทรงอารมณ์นั้นไว้ให้มันเต็มที่เต็มกำลัง เข้าออกอารมณ์นั้นจนมีความชำนาญ จำทางเดินของจิต
ที่จะไปสู่อารมณ์นั้นให้ได้ การปฏิบัติธรรมนั้นอย่าไปใจร้อน ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนมันเต็มที่มีอินทรีย์ที่สมบูรณ์
แล้วจิตมันจะยกขึ้นไปสู่สภาวะธรรมที่สูงยิ่งขึ้นต่อไป เหมือนน้ำที่หยดลงในแก้ว ตราบใดที่น้ำมันยังไม่เต็มแก้ว
มันก็จะไม่ล้น ถึงเราอยากจะให้มันล้น มันก็ล้นไม่ได้ เพราะมันยังไม่เต็ม แต่ถ้ามันเต็มแล้ว มันก็จะล้นไปหาที่อยู่อื่น
ถึงเราไม่อยากจะให้มันไป มันก็ต้องไป ฉันใดฉันนั้น การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ถ้าพละกำลังไม่เต็มที่ บารมีไม่ถึงพร้อม
มันก็ไม่สามารถที่จะยกจิตไปสู่สภาวะธรรมที่สูงยิ่งขึ้นได้ หรือยกขึ้นได้แต่ก็ตั้งอยู่ไว้ทรงไว้ได้ไม่นาน เพราะพื้นฐานอินทรีย์นั้น
ไม่ไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะรองรับสภาวะธรรมนั้น
       หน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรมก็คือทำต่อไป เพิ่มกำลังของสติให้ยิ่งขึ้น ศรัทธาในการประพฤติปฏิบัตินั้นอย่าได้เสื่อมถอย
หน้าที่ของเราคือทำ ผลจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของวิบากกรรม อย่าไปหวังผลในการกระทำว่าจะต้องได้นั่นได้นี่
มีอิทธิฤทธิ์ มีปาฏิหารย์ ได้ฌาน ได้กสิน ได้อภิญญา ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้นมันเป็นผลพลอยได้และต้องมีของเก่าที่เคยทำไว้
มันจึงจะได้มันจึงจะเป็น การปฏิบัติธรรมคือการทำให้กุศลเพิ่มพูนงอกงามยิ่งขึ้น ละลดอกุศลทั้งหลายลง ทรงไว้ซึ่งกุศลให้เพิ่มพูน
                ขอความสุขความเจริญในธรรมจงบังเกิดแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย
                           รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร





กราบ ขอบพระคุณท่าน ครับ...
ที่ชี้ทางให้  เพราะผมมาคิดว่าผมเดินผิดทาง..
เคยไปปรึกษาพระหลายๆท่าน ก็บอกไปคนละทาง...

มีท่านที่บอกว่าเป็นอาการ ทิ้งดิ่ง...คือมีแต่ความว่างเปล่า ผมเข้าใจแล้วครับท่าน..
กราบนมัสการมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ



กระทู้นี้ ผมไม่ได้ตั้งใจขุดนะครับ...พอดีผมหยุดเล่นไปนาน..เพิ่มมาเปิดพบเข้าครับ..
ต้องกราบขอโทษพี่ๆทุกท่านด้วย.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ก.ย. 2553, 05:22:55 โดย pepsi »

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 14 ก.ย. 2553, 05:19:42 »
การนั่งสมาธินั้น ถ้าไม่มีการภาวนา พุท โธ ก็เหมือนกับการ ขับรถไม่มีล้อนั่นแหละครับ การจะเจริญสมาธินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ต้องอดทน ต้องทำจิตใจให้สะอาด ถือศีลห้า ละจากกิเลส และการนั่งสมาธินั้น ได้ทั้งฌาน ทั้งได้บุญกุศล ครับ ขอให้เจริญสมาธินะครับ อนุโมทนา ครับ                                                                    
                                                               ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผมมีความรู้เท่านี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ก.ย. 2553, 05:26:02 โดย นายธรรมะ »
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ pepsi

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 325
  • เพศ: ชาย
  • ทําดี คิดดี พูดดี
    • ดูรายละเอียด
    • http://sbntown.com/forum/group.php?groupid=33
ตอบ: น้องใหม่ รบกวนถามครับ.
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: 14 ก.ย. 2553, 05:32:23 »
การนั่งสมาธินั้น ถ้าไม่มีการภาวนา พุท โธ ก็เหมือนกับการ ขับรถไม่มีล้อนั่นแหละครับ การจะเจริญสมาธินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ต้องอดทน ต้องทำจิตใจให้สะอาด ถือศีลห้า ละจากกิเลส และการนั่งสมาธินั้น ได้ทั้งฌาน ทั้งได้บุญกุศล ครับ ขอให้เจริญสมาธินะครับ อนุโมทนา ครับ                                                                     
                                                               ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผมมีความรู้เท่านี้ครับ
ขอบคุณครับท่านพี่...ที่ให้กําลังใจ.