ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี วัดศาลาดิน (วัดมอญ) จ.อ่างทอง  (อ่าน 7895 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ธรรมะรักโข

  • มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 749
  • เพศ: ชาย
  • ผู้รักษาธรรม
    • ดูรายละเอียด


๏ อัตโนประวัติ

“พระครูสุภัทรธรรมโสภณ” หรือ “หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี” มีนามเดิมว่า ทรง วารีรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2466 ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน ณ บ้านม่วงเตี้ย ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายกอง และนางจัน วารีรักษ์ ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย

๏ การศึกษาเบื้องต้นและการอุปสมบท

ช่วงวัยเยาว์ ท่านเป็นคนใฝ่รู้ในด้านต่างๆ เสมอมา ช่วยเหลือครอบครัวทำมาหากินมาตลอด และมีจิตใจฝักใฝ่ในทางศาสนา ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนวัดยางมณี (ชวนประชาสรรค์) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป. 6) ซึ่งในสมัยนั้นคนส่วนใหญ่จะจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 (ป. 4) จึงเป็นการเรียนจบที่สูงสามารถเป็นครูสอนตามโรงเรียนได้ ต่อมาท่านได้เข้ารับราชการเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยยังคงช่วยเหลือครอบครัวหาเลี้ยงชีพประกอบกิจการค้าขาย

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2486 ณ พัทธสีมาวัดยางมณี ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยมีพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

๏ การศึกษาพระปริยัติธรรมและสรรพวิชาอาคม

หลังอุปสมบท ท่านได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อชวนระยะหนึ่ง จากนั้นได้ย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดไร่และวัดศาลาดิน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัย สามารถสวดพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว

ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากหลวงพ่อชวน วัดยางมณี, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ศึกษาโหราศาสตร์กับหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย พระเกจิดังแห่งยุค ซึ่งได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ท่านได้เรียนวิทยาคมจากตำราโบราณที่รับสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนเชี่ยวชาญสามารถเขียนอ่านอักษรขอมได้

หลวงพ่อทรง เคร่งครัดปฏิบัติและชอบการปลีกวิเวก หมั่นฝึกฝนปฏิบัติวิชาอาคมต่างๆ ตามที่ได้ร่ำเรียนและได้รับการถ่ายทอดมา จนมีความชำนาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีพลังสมาธิญาณอย่างน่าอัศจรรย์

มีเรื่องเล่าขานกันว่า เมื่อปี พ.ศ.2513 หลวงพ่อทรงท่านได้จัดงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตพระอุโบสถ แล้วจัดสร้างเหรียญเสมาเป็นรูปท่านครึ่งองค์ เพื่อมอบให้สาธุชนเป็นที่ระลึก โดยนิมนต์พระธรรมมุนี (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) วัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี, หลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต วัดดอนไร่ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี และพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมรูปอื่นๆ มาร่วมนั่งปลุกเสก

หลังจากพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมคลายพลังสมาธิญาณ และผ่อนคลายอิริยาบถ หลวงพ่อทรงยังคงนั่งนิ่งส่งพลังสมาธิญาณ กระทั่งเหรียญเสมาที่อยู่ในบาตรบินลอยวนไปมา ส่งเสียงกระทบฝาบาตรอย่างน่าอัศจรรย์

จนหลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิโต วัดดอนไร่ เปรยว่า “พอแล้วท่านทรง จะปลุกเสกไปถึงไหน เดี๋ยวเหรียญก็ได้แตกป่นกันหมดพอดี” หลวงพ่อทรงจึงผ่อนคลายพลังสมาธิญาณ ต่อมาคณะศิษยานุศิษย์ได้ตั้งสมญานามเหรียญเสมารุ่นนี้ว่า “รุ่นเหรียญบิน” ตราบจนปัจจุบัน



หลวงพ่อทรง “รุ่นเหรียญบิน”   ปี 2513


หลวงพ่อทรง ได้รับการยอมรับและศรัทธาของศิษย์ทุกระดับชั้น เชื่อถือกันว่าท่านมีคาถาอาคมทรงพุทธคุณครอบจักรวาล โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม ความเจริญรุ่งเรือง และด้านมหาอำนาจปกป้องผองภัยสารพัด สิ่งมหัศจรรย์ที่บังเกิดทั้งปวง ศิษยานุศิษย์ต่างประจักษ์ สามารถให้คำตอบได้เป็นอย่างดี

๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2513 ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน (วัดมอญ) ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

พ.ศ.2525 ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ และเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2547 ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ

๏ ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ “พระครูสุภัทรธรรมโสภณ”

๏ ผลงานด้านการพัฒนา

หลวงพ่อทรงได้ก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฏิ เมรุ ห้องน้ำ ห้องสุขา บูรณปฏิสังขรณ์สภาพของวัดที่เก่าแก่แต่เดิม ให้เกิดความมั่นคงถาวร ทั้งหมดล้วนเกิดจากบารมีของหลวงพ่อทรงอย่างแท้จริง

ด้วยเป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสของจังหวัดอ่างทอง ท่านจึงมักได้รับกิจนิมนต์จากวัดวาอารามทั่วประเทศ ให้ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งท่านมิเคยขัดข้องหากไม่ติดธุระด้านศาสนาหรือกิจธุระส่วนตัวเสียก่อน

๏ เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย

วัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักรวาล โดดเด่นในหลากหลายด้าน ที่เสาะหากันอยู่ขณะนี้ ได้แก่ เหรียญใบเสมา รุ่นเหรียญบิน ปี 2513, เหรียญบาตรน้ำมนต์, พระกริ่งบาเก็ง, สมเด็จยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ เป็นต้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อทรง มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี บังเกิดแก่บรรดาสาธุชน จนท่านได้รับสมญานามจากคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย”

ท่านย้ำอยู่เสมอว่า “วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ”

รวมทั้ง ท่านจะกล่าวสอนอยู่เสมอว่า “การ ทำจิตใจให้สงบ รู้จักปล่อยวางในสิ่งต่างๆ อย่าไปยึดติดกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิระลึกถึงปฏิบัติในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสั่งสอนของท่านเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด หาคำสอนใดมาเปรียบเทียบมิได้เลยทีเดียว และการที่เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นอะไรที่ประเสริฐที่สุดแล้วในชาตินี้”

หลวงพ่อทรง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดศาลาดิน (วัดมอญ) ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า เป็นที่เลื่องลือไปทั่วภาคกลาง แต่การเข้ากราบไหว้ขอพรจากท่าน มิใช่เรื่องยากเย็น ทุกคนมีโอกาสเสมอเหมือนกันหมด ไม่มีผู้ใดกีดกัน เพราะท่านเมตตาต่อทุกคน ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง

ท่านมักจะนำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็นกุศโลบายในการอบรมสั่งสอนศีลธรรม แก่ประชาชนทั่วไป ให้ยึดหลักธรรมคำสั่งสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา เป็นวิถีสำคัญในการประพฤติปฏิบัติตน ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถ้ามีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ไหน จะต้องเห็นหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน นั่งปรกปลุกเสกกับพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัย ความเป็นเอกอุด้านไสยเวทวิทยาคมไม่แตกต่างกัน

๏ การมรณภาพ

อย่างไรก็ดี ด้วยสังขาร คือ อนิจจัง เป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ครั้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 เวลาประมาณ 21.00 น. หลวงพ่อทรงมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ หายใจขัด เนื่องจากมีกิจนิมนต์มาก เมื่อลูกศิษย์เห็นว่าอาการไม่ดี จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง คณะแพทย์ได้ทำการรักษา แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ในที่สุด เมื่อเวลา 22.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ท่านได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการท่อปัสสาวะอักเสบ มาก่อนหน้านี้ สิริอายุรวมได้ 83 ปี 8 เดือน พรรษา 64 ท่ามกลางความเศร้าสลดและความอาลัยเป็นยิ่งนักของบรรดาคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป

หลวงพ่อทรง ท่านเป็นพระสงฆ์สุปฏิปันโนอย่างแท้จริง แต่ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ ท่านได้ละสังขารตามกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถือว่าวงการสงฆ์ต้องสูญเสียพระเถระรูปสำคัญ ผู้บำเพ็ญคุณูปการต่อชาวเมืองอ่างทอง ด้วยความอุตสาหวิริยะมาอย่างยาวนาน เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าที่อุทิศให้แด่พระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง ทั้งนี้ ทางคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ได้จัดงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม และตั้งศพให้คณะสงฆ์ คณะศรัทธาญาติโยม และพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้กราบไหว้ เป็นเวลา 7 วัน ณ วัดศาลาดิน (วัดมอญ) จนกว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป

๏ กำหนดการพระราชทานเพลิงศพ

กำหนดการพระราชทานเพลิงศพของพระครูสุภัทรธรรมโสภณ (หลวงพ่อทรง ฉันทโสภี) อดีตเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย และอดีตเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน (วัดมอญ) จ.อ่างทอง ตรงกับวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2552





ขอขอบคุณที่มา : http://www.dhammajak.net