ถ้ำลอดกลางทะเลอ่าวพังงา
ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๒๖ กันยายน ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
ตื่นขึ้นทำกิจวัตรตามเวลาปกติที่เป็นมา ได้เวลาจึงลงไปศาลาสวดมนต์ทำวัตรเช้า
ร่วมกับคณะสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาร่วมกัน เพราะได้ตั้งกฏกติกาไว้ว่า หลังกลับจากบิณฑบาตรแล้ว
พระทุกรูปต้องมารวมกันทำวัตรสวดมนต์ก่อนที่จะฉันภัตราหารเช้า เพราะว่าจะได้เจอหน้าเจอตา
สนทนากัน และจะได้ชี้แจงมอบหมายงานกันไปทำ หลังจากฉันเช้าแล้วได้ให้โอวาทพวกฝีพาย
ทั้งทีมชายและทีมหญิงที่จะไปแข่งในรอบต่อไป ฝีพายและกองเชียร์ไปกันเกือบหมดวัด เหลือแต่เรา
ผู้เดียวอยู่เฝ้าวัด กลับขึ้นศาลาที่พัก เอาหนังสือบุรพกิจปวารณามาท่องทบทวน เพราะเหลือไม่ถึงเดือน
แล้วที่จะออกพรรษา และในวันปวารณานั้นจะทำกันที่วัดที่จำพรรษาอยู่ ไม่ได้ไปทำร่วมกันกับพระทั้งตำบล
เพราะจะได้ว่ากล่าวตักเตือนชี้แนะและขอขมาโทษซึ่งกันและกันของพระที่จำพรรษาร่วมกัน จึงจำเป็นที่จะต้อง
ทบทวนคำสวดบุรพกิจปวารณาให้คล่อง เพราะว่าในปีหนึ่งสวดเพียงครั้งเดียว ทิ้งมาเป็นปี ทวนคำสวดบุรพกิจ
ปวารณาจนถึงบ่าย จึงลงไปหาไม้มาทำที่วางเข็มสัก ไสกบไม้ ตัดไม้ เจาะไม้ ประกอบเป็นขาตั้งสำหรับวางเข็ม
เสร็จตอนเย็นได้เวลาทำวัตรสวดมนต์เย็นพอดี ลงไปทำกิจเสร็จแล้วกลับที่พัก เพื่อเจริญสติภาวนาต่อจนถึงสี่ทุ่ม
จึงได้ออกจากสมาธิ มาทบทวนคำสวดบุรพกิจปวารณาต่อจนถึงเที่ยงคืน จึงได้จำวัตรนอนกำหนดสติพิจารณากาย
จนหลับไปเวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ
.....รอยธรรม.....
การทำงานทุกอย่างเป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัว เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้นคือการเจริญกุศลจิต
เจริญสติและสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะจิต มีความระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทั้งในการคิดและการกระทำ
ซึ่งคนทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีความคิด มีสติ แต่สิ่งที่ขาดไปคือกุศลจิต ซึ่งเป็นคุณธรรมคุ้มครองจิตไม่ให้คิดไปในทาง
ที่ผิด รู้จักหักห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล รู้จักวางตนอยู่ในสัมมาทิฏฐิ ซึ่งสิ่งที่ขาดหายไปนั้นเกิดจากพื้นฐานของคุณธรรม
ที่แตกต่างกันของแต่ละคน ดังคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า...บุคคลแตกต่างด้วยธาตุและอินทรีย์ บารมีที่สร้างสมกันมา
การเจริญกุศลจิต เจริญสติภาวนา ก็เพื่อเพิ่มพูนกำลังของบุญกุศล ให้รู้จักกายและใจของตน เพื่อให้เห็นคุณ เห็นโทษ
เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งภายนอกและภายใน ทั้งกายและจิตของเรา เพื่อเพิ่มคุณธรรม
ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปให้มากขึ้นแก่จิตของเรา เพื่อที่จะเข้าไปยับยั้งและข่ม ความต้องการในโลกธรรมทั้งหลาย
อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และความเสื่อมในโลกธรรมทั้งหลายอันได้แก่ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ คำนินทา และความทุกข์
ให้รู้จักความพอเหมาะพอดีในสิ่งที่ควรจะได้ ไม่หวั่นไหวกับโลกธรรมทั้งแปด การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นไปเพื่อความ ลด ละ เลิก
ในกิเลส ตัณหา อัตตา อุปาทานทั้งหลาย เพื่อความจางคลายของกิเลสทั้งหลาย นั้นคือเป้าหมายของการปฏิบัติธรรม...
.....รอยกวี.....
มองไป ผ่านช่อง หน้าต่าง
ระหว่าง นั่งพัก คลายเหนื่อย
ปล่อยใจ คิดไป เรื่อยเปลื่อย
ความเหนื่อย ก็เริ่ม ผ่อนคลาย
มองดู หมู่เมฆ ลอยใหล
ลอยไป เป็นทิว แถวสาย
บนฟ้า มีเมฆ มากมาย
กระจาย ไปทั่ว นภา
มองฟ้า แล้วมา มองใจ
มองให้ พบเหตุ ปัญหา
ที่เกิด ก่อเป็น อัตตา
นำมา ซึ่งความ วุ่นวาย
อัตตา ยึดมั่น ยึดถือ
นั้นคือ ปัญหา ทั้งหลาย
ถือตัว ถือตน มากมาย
สุดท้าย ก็ต้อง ทุกข์ทน
ความทุกข์ เกิดจาก กิเลส
เป็นเหตุ ให้ไร้ เหตุผล
อยากได้ อยากมี เกินตน
ดิ้นรน ไขว่คว้า หามัน
ได้แล้ว ก็ยัง ไม่พอ
อยากต่อ ให้มาก กว่านั้น
ความอยาก เพิ่มขึ้น ทุกวัน
อยากนั้น ไม่รู้ จักพอ
ตัณหา นั้นคือ ความอยาก
โลภมาก อยากได้ อยากขอ
ไม่รู้ ถึงการ เพียงพอ
นี่หนอ คือความ ดิ้นรน
ดิ้นรน ไขว่คว้า หาทุกข์
ไร้สุข เพราะจิต สับสน
เวียนว่าย อยู่ใน วังวน
ทุกข์ทน ไปจน วันตาย....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๖ กันยายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๐.๔๗ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย