ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
ฝนพรำตั้งแต่ย่ำรุ่ง จึงต้องตื่นนอนก่อนเวลาปกติ เพราะอากาศที่เริ่มจะหนาว
ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิเจริญจิตตภาวนา อธิษฐานจิต แผ่เมตตา ขออโหสิกรรม
ทำกิจวัตรเสร็จเวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น. กวาดศาลาที่พักและลานวัด เสร็จแล้วกลับขึ้นศาลา
ฉันกาแฟกับขนมปังและผลไม้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ควบคุมปริมาณอาหาร เพื่อให้กายนั้นโปร่ง
จัดเตรียมของที่จะเอาติดตัวลงไปกิจนิมนต์ที่ชลบุรี ตอนเย็นลงไปกวาดรอบพระธาตุเจดีย์รอบโบสถ์
เสร็จแล้วกลับข้นศาลาที่พัก ฉันกาแฟ เปิดทีวี ดูข่าวสารบ้านเมือง เพราะว่าเป็นวันครบรอบ ๓๗ ปี
ของวันที่ ๑๔ ตุลาคม วันเรียกร้องประชาธิปไตยของนิสิต นักศึกษา ประชาชน เมื่อครั้งในอดีต
ซึ่งเราได้เติบโตมาในยุคสมัยนั้น ได้เห็นและรับรู้ในเรื่องราวข่าวสาร ในยุคนั้นเขาเรียกว่ายุคแสวงหา
มีการศึกษาและเรียนรู้ในเรื่องลัทธิการเมืองแบบต่างๆ ซึ่งทำให้ได้รับการปลูกฝัง ใหรั้กความเป็นธรรม
มีจิตอาสาและจิตสำนึกต่อสังคม ทำให้สนใจและเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗
หลงติดอยู่ในวังวนแห่งโลกในจินตนาการนานสิบกว่าปี แต่เมื่อได้เข้ามาสู่ทางธรรมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เรานั้นเคย
แสวงหา มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าตราบใดยังมีคนมากมายยังไร้คุณธรรม ความเหลื่อมล้ำในสังคมย่อมจะมีอยู่
" สถานะการณ์สร้างวีรชน แต่ปัจเจกชนนั้นสร้างสถานะการณ์ " การเมืองในอดีตกับปัจจุบันนั้นแตกต่างกัน
เพราะพื้นฐานความคิดและจิตสำนึกที่แตกต่างกัน มันกลายเป็นธุระกิจทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องของจิตอาสา
มันเป็นการแสวงหาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน โดยแอบอ้างประชาชนมาเป็นเครื่องมือ อาศัยสถานะการณ์เพื่อเป็นฐาน
เข้าสู่เวทีการเมือง มันเป็นเรื่องของกิเลสและตัณหา ไม่ใช่จิตอาสา ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชน...
.....รอยธรรม.....
การปฎิบัติธรรมที่ให้เริ่มต้นจากการให้ทานนั้น ก็๋เพื่อให้เป็นพื้นฐานในการปรับจิต ให้รู้จักคิดเสียสละ
ลดละซึ่งความเห็นแก่ตัว เพื่อให้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟือเผื่อแผ่ มีพรหมวิหาร ๔ เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต
จิตนั้นจะอ่อนโยนลง ไม่แข็งกระด้าง เป็นการสร้างคุณธรรมให้แก่จิต แต่ก็ไม่ให้ไปยึดติดในทานนั้นจนเกินไป จนกลายเป็น
ทิฏฐิมานะและอัตตา โดยคิดว่าเราดี เราเด่นกว่าผู้อื่น " แม้นน้อยนิดด้วยปัจจัย แต่ยิ่งใหญ่ด้วยอานิสงส์ ถ้าจิตจำนงค์นั้นบริสุทธิ์ "
ไตรสิกขา ๓ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้สำหรับประชาชนทั้งหลาย จึงเริ่มต้นด้วย ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งต้องปฏิบัติให้สอดคล้องต้องกัน
เพื่อเป็นพื้นฐานให้เกิดความเจริญในธรรมที่ยิ่งขึ้นไป สู่ไตรสิกขา ๓ สำหรับบรรพชิต อันได้แก่ ศีล สมาธิและปัญญา สมถะและวิปัสสนา
ในขั้นต่อไป ทานนั้นจึงเป็นพื้นฐานให้ลดละซึ่งทิฏฐิมานะและอัตตา เพราะว่าจะได้ไม่สำคัญผิดคิดเข้าข้างตนเอง ในสิ่งที่รู้ ในสิ่งที่เห็น
และในสิ่งที่ทำ จิตที่แข็งกระด้างก่อให้เกิดทิฏฐิมานะและอัตตา ดั่งที่ได้เคยกล่าวไว้ว่า " อย่าโอ้อวดว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น วิเศษกว่าผู้อื่น
อย่าคืดว่าเรารู้มากกว่าผู้อื่น รู้ดีกว่าผู้อื่น จะเป็นเหตุให้ก่อเกิดมานะทิฏฐิ เกิดความถือตัวถือตน " ...." อย่าใช้ความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง
ของเรา ไปผูกยึดหรือผูกมัดผู้อื่น ให้ผู้อื่นต้องเป็นไปตามความต้องการของเรา ตามความอยากของเรา เพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใคร
เรามีแต่เพียงหน้าที่ ที่ต้องทำเท่านั้น ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์ เต็มกำลังความรู้ ความสามารถของเรา ผลจะเป็นเช่นไรเป็นเรื่องของ
วิบากกรรมที่เคยได้กระทำมา " ทุกอย่างจึงต้องเริ่มต้นที่เจตนาอันบริสุทธิ์...
.....รอยกวี.....
รอยทาง สร้างรอยธรรม
รอยที่ย่ำ คือรอยทาง
รอยธรรม คือแบบอย่าง
เป็นแนวทาง ที่ก้าวนำ
เรียบเรียง มาบอกเล่า
เพื่อให้เข้า ใจในธรรม
ออกจาก ความมืดดำ
จากจิตต่ำ สู่ทางดี
หลายหลาก มากมุมมอง
ตอบสนอง ในทุกที่
แนวทาง และวิธี
นั้นมากมี ให้เดินตาม
เดินตาม เส้นทางธรรม
ที่ชี้นำ ให้ก้าวข้าม
หุบเหว และขวากหนาม
พยายาม สร้างกรรมดี
กรรมดี จะส่งผล
เป็นมงคล เสริมราศรี
จิตดี ส่งกายดี
ก็จะมี ความสุขใจ
สุขใจ เพราะไร้ทุกข์
ได้พบสุข ที่สดใส
ชีวิต ก้าวเดินไป
เพราะว่าได้ เดินตามธรรม...
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๖.๕๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย