กุฏิที่พัก ที่นอน และที่นั่งไหว้พระสวดมนต์
อาหารที่ฉันในหนึ่งวัน (ตัวฉันมีกาน้ำหนึ่งใบกับกองฟืนที่วางอยู่เรียงราย)
ช่องเขาที่เจาะเป็นทางที่จะลงไปในหุบเขากว้างประมาณ ๕๐ ซ.ม.
สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดสาวชะโงก อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
วันจันทร์ที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔
ห่างหายไปจากบอร์ดเกือบเดือน เพราะอยู่ในช่วงปฏิบัติธรรม(ทบทวนอดีตที่ผ่านมา)
หลังจากจัดการบวชพระใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าหุบเขาเก็บตัวปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม
กลับคืนย้อนสู่อดีตเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา สมัยที่เข้าไปเก็บตัวฝึกจิตอยู่ในหุบเขาเป็นเวลา ๒ ปีกว่า
ควบคุมเรื่องการฉันอาหาร ปฏิบัติแบบพรตฤาษี ฉันน้อย นอนน้อยและงดฉันอาหาร งดการหลับนอน
ปฏิบัติวันละ ๒๐ ชั่วโมง น้ำหนักตัวจาก ๕๔ ก.ก.ลดเหลือเพียง ๓๘ ก.ก. ก่อนที่จะออกจากหุบเขา
นั้นคือเรื่องราวในอดีตเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา และทุกครั้งที่เสร็จสิ้นภาระกิจการสร้างวัดในแต่ละแห่ง
ก็จะกลับเข้ามาเก็บตัวในหุบเขานี้ทุกครั้ง ก่อนที่จะออกไปสร้างที่อื่นต่อ ทำอย่างนี้มาทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่ในครั้งนี้ไม่ถึงกับอดอาหารเพราะเวลามีน้อย จึงได้แต่เพียงคุมอาหาร ซึ่งในวันหนึ่งนั้นจะฉันกาแฟ
3 in1 วันละ ๒ ซอง คือตอนตีสองและตอนหนึ่งทุ่ม ส่วนตอนเที่ยงนั้นจะฉันโอวันติน 3in1กับเนสวิต้า
อย่างละ ๑ ซอง ตลอดเวลา ๑๗ วันที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในหุบเขา เพื่อให้กายเบา จิตเบา ไม่เสียเวลาไปกับ
เรื่องการขบฉันและการถ่ายหนักถ่ายเบา นอนเที่ยงคืนตื่นตีสอง ปฏิบัติทบทวนกรรมฐานทุกกองที่เคยปฏิบัติมา
ทำวัตรไหว้พระเช้าเวลา ๐๕.๐๐ น.และทำวัตรไหว้พระเย็นเวลา ๑๘.๐๐ น.พักผ่อนจำวัตรวันละ ๒ ชั่วโมง
เพื่อให้เลือดขึ้นเลี้ยงสมอง ส่วนเวลาที่เหลือนั้นหมดไปกับการเดินจงกรมและนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้แก่ผู้มีพระคุณ
ทั้งหลายทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน ที่ปกปักรักษาอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น เพราะเราได้เกิดใหม่ในทางธรรมจากหุบเขา
แห่งนี้ จึงเหมือนการกลับคืนสู่บ้านเก่าหลังจากที่ออกไปผาดโผนโลดแล่นในยุทธจักรโลกภายนอกที่แสนจะวุ่นวาย
กลับมาเพื่อทบทวนและฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ เพื่อที่จะออกไปสู่ยุทธจักรใหม่อีกครั้ง ใจนั้นอยากจะอยู่ปฏิบัติต่อ
ในหุบเขาที่เงียบสงบไม่มีผัสสะสิ่งรบกวน แต่ติดขัดในเรื่องภาระกิจที่จะต้องออกไปสะสาง จึงทำให้ได้อยู่ปฏิบัติใน
หุบเขาเพียง ๑๗ วัน ญาติโยมลูกศิษย์จากชลบุรีและเกาะสมุยลงไปรับในหุบเขา เพื่อเดินทางไปร่วมงานปริวาสกรรม
ที่วัดสาวชะโงก อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อปฏิบัติธรรมถวายแด่หลวงพ่อเหลือซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่เรานั้น
ได้สืบทอดวิชาของท่านมาเป็นการปฏิบัติบูชาแทนการไหว้ครู เพราะว่าตั้งแต่ไปสร้างวัดทุ่งเว้าที่มุกดาหารนั้น ไม่ได้ลงมา
ไหว้ครูหลวงพ่อเหลือมา ๕ ปีแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องไปเพื่อสิ่งที่ค้างคาใจจะได้หมดสิ้นลง
ออกจากหุบเขามาก็ได้รับข่าวดีจากลูกศิษย์ ว่ามีญาติโยมจะถวายที่ดินเพื่อให้สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
จำนวน ๑๕ ไร่ ที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี จึงได้แวะเข้าไปดูสถานที่ ที่โยมเขาจะถวายตอนที่กลับขึ้นมาจากกระบี่
เข้าไปทางสี่แยกหน้าโรงพยาบาลเขาย้อย ถนนสาย 1015 ทางที่จะไปแก่งกระจาน อยู่ห่างจากถนนเพชรเกษมประมาณ
๔ กิโลเมตร อยู่ในหุบเขาที่เป็นรูปเกือกม้า สามารถที่จะมองเห็นเมืองเพชรบุรี เขาวังและทะเลได้ ซึ่งดูแล้วเป็นสถานที่ที่สัปปายะ
เหมาะแก่การสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งได้นัดหมายกับญาติโยมลูกศิษย์ไว้ว่า หลังจากออกปริวาสที่วัดสาวชะโงกและเคลียร์งาน
กิจนิมนต์ที่รับไว้หมดแล้ว จะเข้าไปปักกรดปฏิบัติธรรมในพื้นที่สักหนึ่งเดือน เพื่อที่จะตรวจสอบอะไรบางอย่างที่มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น
ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะรับไว้สถานที่แห่งนี้ไว้หรือไม่ เพราะการสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมนั้นต้องใช้ทุนจำนวนมาก ซึ่งถ้าสร้างไปแล้ว
มีปัญหาขึ้นมาภายหลัง ก็เหมือนกับเราเอาเงินศรัทธาของญาติโยมไปทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์ จึงต้องตรวจสอบในแน่ใจเสียก่อน
จึงจะลงมือดำเนินการก่อสร้าง และเพื่อให้เกิดประโยชน์บุญกุศลที่เห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง
ท้ายสุดนี้ขอกล่าวคำอวยพร สวัสดีปีใหม่แก่สมาชิกและผู้เยี่ยมชมทั้งหลาย ขอให้มีความสุขความเจริญทั้งในทางโลกและทางธรรม
โดยทั่วหน้ากันทุกคนทุกท่านเทอญ เจริญพร เจริญสุข เจริญธรรม
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิตแด่มวลมิตรทุกผู้คน
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๓ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๒๒.๒๘ น. ณ สำนักปฏิบัติธรรมวัดสาวชะโงก อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา