ผีรัสเซีย
ขนหัวลุก
ใบหนาด
อเล็กซ์ ณ บางใหญ่ เล่าเรื่องขนหัวลุกจากดินแดนคอมมิว นิสต์ในอดีต
เป็น ที่รู้กันทั่วไปว่าคนเราส่วนมากมักจะกลัวผี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ภาษาใดก็กลัวผีทั้งสิ้น จะมีแตกต่างกันก็ตรงที่กลัวน้อยกลัวมากเท่านั้น ว่ากันว่า คนที่ชอบประกาศว่าตนไม่กลัวผี มักจะเป็นคนกลัวผีมากที่สุด!
นอกจากผีใกล้ๆ ตัวอย่างผีจีน ผีญี่ปุ่น ก็มีผีของฝรั่งอั้งม้อเช่นอังกฤษและอเมริกา เป็นต้น
ผี สองแห่งหลังนี้ค่อนข้างจะเป็นที่คุ้นเคยกับไทยเราดี เพราะมีทั้งนิยายและภาพยนตร์เกี่ยวกับภูตผีปีศาจ เช่น เคานต์แดร๊กคูล่า, ผีดิบแฟรงเก้นสไตน์ จนถึงผีหมาป่า และผีที่สิงสู่ตามบ้านเรือนตั้งแต่สมัยสงครามระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ เป็นต้น
แม้แต่ในทำเนียบขาวก็ถือว่าเป็นแหล่งผีดุแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีผู้พบวิญญาณประธานาธิบดีลินคอล์นผู้โดนลอบสังหาร ปรากฏกายอยู่ในห้องทำงานเป็นประจำ
ส่วนในอังกฤษที่ถือว่าเป็นประเทศเก่าแก่ยาวนานนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเมืองหลวงแห่งเรื่องผีของโลกก็ว่าได้!
การ ชิงรักหักสวาทในราชสำนักทำให้เกิดการฆ่าฟัน ประหารชีวิต จนล้มตายเป็นเบือ วิญญาณอันเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานเหล่านั้นยังสิงสู่อยู่ วันดีคืนดีก็ออกมาหลอกหลอนผู้คนให้อกสั่นขวัญแขวนเสียทีหนึ่ง
ตรงกัน ข้ามกับประเทศขนาดใหญ่ในยุโรป คือ รัสเซีย กลับมีเรื่องผีๆ สางๆ ปรากฏขึ้นน้อยที่สุด ทั้งๆ ที่มีการปฏิวัติ เข่นฆ่าผู้คนจนล้มตายมากมาย แม้แต่กษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนคณะปฏิวัติบอลเชวิกล้างผลาญจนแทบไม่เหลือซาก ก็ว่าได้
อย่ากระนั้นเลย วันนี้นำเรื่องผีรัสเซียที่ได้รับการยืนยันว่ามีจริง มาเล่าสู่กันฟังดีกว่า
"เบ เรีย" คือหัวหน้าตำรวจลับของจอมพลสตาลิน ผู้นำแห่งดินแดนค้อน-เคียว มีอำนาจล้นฟ้าล้นดิน สั่งจับใครไปคุมขังหรือทรมาน แม้แต่ประหารชีวิตได้ตามใจชอบ คนรัสเซียทั้งเกลียดทั้งกลัวกันทั้งประเทศ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง หรือท้าทายอำนาจอันไร้ขอบเขตของนายเบเรียแม้แต่คนเดียว!
นายเบ เรียได้กระทำกรรมเวรเอาไว้เป็นอันมาก จนกระทั่งจอมพลสตาลินตายไปแล้ว นายเบเรียก็พลอยหมดบุญวาสนาไปตามเจ้านาย ต่อมานายครุสชอฟได้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นานก็สั่งให้จับนายเบเรียไปประหาร ชีวิต เรียกว่ากรรมสนองกรรม หรือ "กรรมติดจรวด"
แต่เมื่อนายเบเรียตายไปแล้ว ชาวรัสเซียก็ต้องกลัวผีนายเบเรียต่อไปอีก!
บ้าน นั้นกลายเป็นที่ชุมนุมของแมวดำนับร้อยๆ ตัว พวกฝรั่งถือว่าแมวดำเป็นสิ่งใกล้ชิดกับผี จึงทั้งเกลียดทั้งกลัวแมวดำ ชาวรัสเซียยิ่งหวาดกลัวและเชื่อแน่ว่าบ้านนี้มีผีสิงอยู่
ชาวรัสเซีย และชาวต่างชาติที่เคยเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น หรือใกล้บ้านนั้น แม้แต่ผ่านบ้านนั้น ล้วนแต่เล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าในบ้านนั้นมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นทุกคืน
บางทีมีเสียงโหยหวนน่าขนลุกดังออกมาชัดเจน!
บางคืนก็มีแสงประหลาดลอยอยู่บนหลังคาบ้าน...วิ่งหนีกันเตลิดเปิดเปิงไป!
บ้าน นั้นเคยเป็นบ้านร้างพักหนึ่ง แล้วใช้เป็นโรงเรียนอนุบาล แต่พอเปิดเรียนได้ไม่นาน ผู้ปกครองก็เอาเด็กออกจากโรงเรียนให้ไปเรียนที่อื่น เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์ก็ได้ความว่าเด็กของตนกลายเป็นโรคประสาท เป็นโรคขี้กลัว หวาดหวั่นไปต่างๆ นานา
อีกคนหนึ่งบอกว่าลูกสาวเล็กๆ ไปเรียนกลับมาถึงบ้าน กลางคืนนอนสะดุ้งขวัญผวา ละเมอทุกคืน จนในที่สุดเด็กไม่ยอมไปโรงเรียน บอกว่าไปถึงแล้วหวาดกลัว คล้ายกับว่ามีผีสางคอยเล่นรังแกอยู่ที่โรงเรียนนั้น พ่อแม่ก็ต้องไปหาที่เรียนใหม่ให้ลูก
ในที่สุดก็ต้องปิดโรงเรียนอนุบาล ต่อมากลายเป็นสถานทูตตูนิเซียประจำมอสโก
ลือ กันว่าท่านทูตและภริยาโดนผีหลอกจนหวิดจับไข้หัวโกร๋นทั้งคู่ ภริยาท่านทูตตกใจกลัวจนถึงกับเจ็บไข้อาการหนักปิ่มว่าจะเอาชีวิตไม่รอด และเคยเล่าให้เพื่อนฝูงในกลุ่มภริยาทูตฟังว่า ในเวลากลางคืนไม่อาจจะนอนหลับได้เพราะมีเสียงแปลกๆ มาคอยรบกวนประสาทอยู่เสมอ ทำให้หวาดกลัวจนต้องนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่คืนยังรุ่ง
...เสียง สยองนั้นเป็นเสียงของคนร้องไห้คร่ำครวญ หรือบางทีมีเสียงฝีเท้าคนเดินโดยไม่มีคนจริงๆ ตลอดเวลา บางคืนก็มีเสียงเปิด-ปิดประตูดังปึงปังทั่วไปหมดทั้งบ้าน ใครไม่ประสาทกินก็ใจเย็นเต็มที
น่าแปลกตรงที่ เมื่อมีเอกอัครราชทูตคนใหม่ของตูนิเซียย้ายเข้ามาอยู่บ้านผีสิงหลังนี้ กลับไม่ปรากฏวี่แววของภูตผีมาหลอกหลอนใดๆ เลย หรือวิญญาณร้ายของนายเบเรียเพิ่งจะโดนยมบาลลากลงนรกไปเรียบร้อยแล้วก็เป็น ได้...ขนหัวลุกนะครับ!
ที่มา
http://www.khaosod.co.th/