พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมเรียกว่า "พระรัตนตรัย" อันเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกนอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
ด้วยคุณของพระรัตนตรัยอันมีพระคุณอันไม่มีประมาณ ไม่มีสิ่งใดอันมีคุณเหนือพระรัตนตรัยไปได้อีกแล้ว เพียงแค่ตั้งจิตให้มั่นแล้วกล่าวคำขอถึงพระรัตนตรัยด้วยความเคารพนอบน้อม ดังนี้
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ(๓จบ)
แปล - "
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง"
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดฯ"
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดฯ"
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆ์เจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุดฯ"
ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สองฯ"
ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สองฯ"
ทุติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สองฯ"
ตะติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สามฯ"
ตะติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สามฯ"
ตะติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
แปล - "
ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด แม้ในครั้งที่สามฯ"
เคยสังเกตกันบ้างหรือเปล่าว่า เวลาที่เราถวายทานเสร็จพระสงฆ์ท่านก็จะขึ้นสวดบท "ยะถาวาริวหาฯ" คือบทอุทิศกุศลด้วยการกรวดน้ำ พอจบลงที่คำว่า"มะนิโชติระโสยะถาฯ" ก็จะขึ้นต่อด้วยบทให้พร หรือที่เรียกว่า "อนุโมทนากถา" เชื่อเหลือเกินว่า หากทราบความหมายแล้วนำมาประยุกต์ใช้ ย่อมบังเกิดศุภมงคลแก่ชีวิตอย่างแน่นอน
นำตัวอย่างจาก ๑ ในบทอนุโมทนากถา ชื่อบท "มงคลจักรวาฬน้อย" มานำเสนอ เพื่อเป็นการตอกย้ำพระคุณของพระรัตนตรัยอันไม่มีประมาณ(ศึกษาเพิ่มเติมได้ในหนังสือมนต์พิธีทั่วไป)
บทมงคลจักรวาฬน้อยสัพพะพุทธานุภาเวนะ
แปล - "
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง"
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
แปล - "
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง"
สัพพะสังฆานุภาเวนะ
แปล - "
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง"
พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง
ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ
แปล - "
ด้วยอานุภาพแห่งรัตนสาม คือ
พุทธรตนะ ธรรมรตนะ สังฆรตนะ"
จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ
แปล - "
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พัน"
ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ ชินะสาวะกานุภาเวนะ
แปล - "
ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฏก ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ้า"
สัพเพ เต โรคา สัพเพเต ภะยา
แปล - "
สรรพโรคทั้งหลายของท่าน สรรพภัยทั้งหลายของท่าน"
สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา
แปล - "
สรรพอันตรายทั้งหลายของท่าน สรรพอุปัทวะทั้งหลายของท่าน"
สัพเพ เตทุนนิมิ ตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา
แปล - "
สรรพนิมิตร้ายทั้งหลายของท่าน สรรพอวมงคลทั้งหลายของท่าน"
วินัสสันตุ อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก
แปล - "
จงพินาศไป ความเจริญอายุ ความเจริญทรัพย์ ความเจริญสิริ"
ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก
แปล - "
ความเจริญยศ ความเจริญกำลัง ความเจริญวรรณะ"
สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทาฯ
แปล - "
ความเจริญสุข จงมี(แก่ท่าน)ในกาลทั้งปวง"
ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา
แปล - "
ทุกข์โรคภัย แลเวรทั้งหลาย ความโศกศัตรูแลอุปัทวะทั้งหลาย"
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ จะ เตชะสา
แปล - "
ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นอเนก จงพินาศไปด้วยเดช"
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิ ภาคยัง สุขัง พะลัง
แปล - "
ความชำนะความสำเร็จทรัพย์ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง"
สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา
แปล - "
สิริอายุแลวรรณะ โภคะความเจริญแลความเป็นผู้มียศ"
สะตะวัสสา จะ อายู จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เตฯ
แปล - "
แลอายุยืนร้อยปี แลความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่จงมีแก่ท่านฯ"
ปล.เพิ่มเติมความรู้ที่ได้จากท่าน"
กันยา"
"ปัญญา คือ ความรอบรู้ในกองสังขาร"