วัดถ้ำเสือวิปัสสนา อ.เมือง จ.กระบี่
ศุกร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔
.....สรรพสิ่งย่อมแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา มีความเสื่อมสลายไปตามอายุของการใช้งาน
ไม่มากก็น้อย ตามเหตุและปัจจัย ซึ่งเป็นไปตามกฏของพระไตรลักษณ์ คือความเป็นอนิจจัง
การสูญเสีย การพลัดพรากย่อมเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงหนีพ้นสิ่งนี้ไปได้
เราจึงต้องฝึกทำใจเพื่อให้ยอมรับกับการสูญเสีย การพลัดพรากที่จะเกิดขึ้นนั้นให้ได้ เพื่อที่จะ
ลดความทุกข์ใจ เมื่อสิ่งนั้นมันมาถึง ซึ่งถ้าใจของเรานั้นยอมรับซึ่งความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
การสูญเสียหรือการพลัดพรากนั้นก็จะมีผลกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของเรา
น้อยมาก เพราะการที่เรานั้นเข้าไปยึดติดและยึดถือในสิ่งทั้งหลายว่าเป็นของส่วนหนึ่งของเรานั้น
ไม่อยากให้มันแปรผันหรือเปลี่ยนแปลงไป อยากจะให้มันคงอยู่ในสภาพเดิมนั้น มันจึงทำให้ใจ
ของเรานั้นเป็นทุกข์ เพราะความเป็นตัวกูและของกูดั่งที่พระอาจารย์ท่านหลวงพ่อพุทธทาสได้
กล่าวไว้ จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจในเรื่องตัวกูและของกู เป็นอันดับแรกในการปฏิบัติธรรม
เพื่อเป็นการลดละซึ่งอัตตา ทิฏฐิมานะ เป็นการฝึกทำใจให้เปิดกว้าง ยอมรับในความจริงทุกอย่าง
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยการกำหนดให้รู้และเข้าใจในความเป็นตัวกูและของกู เห็นโทษภัยของ
การเข้าไปยึดถือในสิ่งทั้งหลายนั้น สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานในการปฏิบัติธรรม...
...ในอ้อมกอดของขุนเขา...ใต้ร่มเงามวลพฤกษา...บทที่ ๘...
...เพราะอัตตา มันพาไป ใจจึงทุกข์
ไร้ซึ่งสุข เพราะว่าใจ ไปยึดถือ
ว่ามันเป็น ของของเรา อยู่ในมือ
ใจยึดถือ ในสิ่งนั้น อย่างมั่นคง
...ทุกสิ่งอย่าง ย่อมมี การเกิดดับ
เปลี่ยนสลับ กันไป อย่าได้หลง
อนิจจัง นั้นคือความ ไม่มั่นคง
จึงต้องปลง ลดละ ซึ่งอัตตา
...เพราะอัตตา ตัวตน ของคนนั้น
ไปยึดมั่น ยึดถือ ในเนื้อหา
ไม่ยอมรับ ซึงความเป็น อนิจจา
มันจึงพา ให้เกิดทุกข์ ไม่สุขใจ
...ทุกข์เพราะความ อยากมี และอยากเป็น
อยากจะเห็น ให้มันเป็น เช่นนั้นได้
ไม่อยากให้ มันจาก หรือพรากไป
อยากจะให้ มันนั้นอยู่ คู่กับเรา
...สิ่งเหล่านี้ คืออัตตา และมานะ
ถ้าไม่ละ จะนำจิต คิดโง่เขลา
หลงตัวตน ความคิด จิตมึนเมา
เพราะว่าเข้า ไปยึดติด จิตผูกพัน
...อยากจะให้ เป็นไป อย่างที่คิด
ไปยึดติด ให้มันเป็น อยู่เช่นนั้น
ไม่อยากให้ มันนั้นจาก หรือพรากกัน
ความยึดมั่น และยึดถือ คืออัตตา
...เพราะอัตตา ตัวตน ของคนนี้
ทำให้มี มากมาย หลายปัญหา
ผลกระทบ มากมาย จึงตามมา
ก็เพราะว่า ไม่ยอมรับ ซึ่งความจริง
...ทุกสิ่งอย่าง ล้วนอยู่ใน พระไตรลักษณ์
ไปตามหลัก ธรรมชาติ ในทุกสิ่ง
และเมื่อใจ ไม่ยอมรับ ในความจริง
มันก็ยิ่ง ทำให้ทุกข์ ไม่สุขใจ
...เพราะว่าใจ อยากได้ ซึ่งความสุข
จึงต้องทุกข์ เพราะอยากมี และอยากได้
อยากจะอยู่ อยากจะเห็น และเป็นไป
ตามที่ใจ ของตน นั้นต้องการ
...เมื่อไม่ได้ ตามที่ใจ ปรารถนา
ก็นำมา ให้เกิดทุกข์ ไม่สุขสาน
ถ้าอยากให้ ใจไม่ทุกข์ สุขสำราญ
ต้องฝึกการ ละวาง ห่างอัตตา
...ฝึกทำใจ ให้ยอมรับ ในความจริง
กับทุกสิ่ง ที่เกิดดับ ตามเนื้อหา
ฝึกซึ่งการ ลดละ ซึ่งอัตตา
ภาวนา ให้มันเห็น ความเป็นจริง...
...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๖.๓๙ น. ณ วัดถ้ำเสือวิปัสสนา กระบี่