ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
ศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
....พยายามใช้เวลาที่ผ่านไปให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระลึกรู้อยู่กับกายและจิต ยกข้อธรรมขึ้นมาพิจารณา ใคร่ครวญทบทวน
ตัดปลิโพธฺความกังวลทั้งหลายออกไปชั่วขณะ ทำจิตให้ว่างจากอัตตา
พิจารณาทุกอย่างตามความเป็นจริง ในสิ่งที่เห็นและรับรู้ วางจิตให้นิ่ง
ไม่เอาความรักความเกลียด ความพอใจและไม่พอใจ มาตัดสินในปัญหา
มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตอยู่ตลอดเวลา แยกแยะกุศล
และอกุศลออกจากกัน โดยการพิจารณาถึงคุณ ถึงโทษ ถึงประโยชน์
และมิใช่ประโยชน์ในสรรพสิ่งที่ได้เห็นและได้รับรู้ เอามาเป็นครูสอนธรรม
เตือนย้ำในจิตสำนึกอยู่ตลอดเวลา ให้ระลึกรู้ในสิ่งที่ควรคิด กิจที่ควรทำ
ตามบทบาทและหน้าที่ของตนเองที่พึงมี ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์
ตามกำลังความรู้ความสามารถที่เรานั้นพึงมี ให้จิตของเรานี้ระลึกถึงธรรม
อยู่ตลอดเวลา เมื่อเรารักษาธรรม ธรรมนั้นจะกลับมารักษาคุ้มครองเรา...
....บันทึกไว้ ณ. จุดหนึ่งบนกาลเวลา บทที่ ๕....
...เอาสติ ระลึกรู้ อยู่กับกาย
เพื่อผ่อนคลาย ความกังวล ในปัญหา
ทำจิตว่าง ปล่อยวาง ซึ่งอัตตา
เกิดปัญญา ระลึกรู้ อยู่กับธรรม
...มีสติ ระลึกรู้ อยู่กับจิต
รู้ความคิด ของจิต ที่ลึกล้ำ
เอากุศล ผลบุญ มาหนุนนำ
ประกอบกรรม กุศล ให้ตนเอง
...ไม่อวดดี อวดรู้ หมิ่นผู้อื่น
ไม่แข็งขืน อวดศักดา ว่าข้าเก่ง
ไม่ขมขู่ ให้ผู้อื่น นั้นกลัวเกรง
ไม่อวดเบ่ง ข่มเหง ให้คนกลัว
...เฝ้ามองกาย มองจิต คิดวิเคราะห์
ดูให้เหมาะ ในสิ่งที่ ดีและชั่ว
รักษาจิต ภายใน ไม่หมองมัว
รู้พร้อมทั่ว กายใจ อยู่ในธรรม
...เมื่อจิตว่าง ละวาง ซึ่งปัญหา
เกิดปัญญา ทางจิต ที่ลึกล้ำ
รู้ดีชั่ว สิ่งใดชอบ ประกอบกรรม
รักษาธรรม รักษาจิต ให้คิดดี
...เอาทั้งโลก และธรรม นำมาคิด
และเอาจิต ดูจิต ในทุกที่
จิตเห็นจิต เห็นความคิด ที่ตนมี
ฝึกอย่างนี้ เป็นประจำ ให้ชำนาญ
...ไม่มีใคร รู้ซึ้ง เท่าหนึ่งจิต
ถ้าได้คิด ก่อเกิด และสืบสาน
อยู่กับธรรม รักษาธรรม ให้ยาวนาน
สร้างพื้นฐาน ทางธรรม ประจำใจ
...หมั่นฝึกฝน ตนนั้น อยู่เสมอ
เพื่อให้เจอ ธรรมะ ตัวใหม่ใหม่
ความเจริญ ในธรรม ก้าวหน้าไป
ฝึกที่ใจ ฝึกที่จิต คิดแล้วทำ...
...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๐๙ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี