วาสนาของหมา...
...วันนี้ "ขออภัย" มิได้มีเจตนาจะล่วงเกิน "พูด-เขียน" ให้เกิดความหยาบคาย ต่ำช้า ขออนุญาตพูดเรื่อง "หมา" สักวัน
ปกติคนกับหมา มีส่วนที่เกี่ยวพันใกล้ชิดกันมาตลอด เพียงแต่ว่า คนเป็นสัตว์ประเสริฐ ประเสริฐตรงที่มีคุณธรรมประจำใจ รู้ดีชั่ว บุณบาป รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรควรเว้น รู้จักพัฒนาหาความเจริญก้าวไปข้างหน้า หาความสุขใส่ตน ส่วนหมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน มีพฤติกรรมทำไปตามสัญชาตญาณของความโง่เขลา จึงจัดได้ว่า คนสูง หมาต่ำ สิ่งที่เรามองว่าต่ำนี่แหละ ถ้ารู้จักมองอีกมุมหนึ่งด้วยปัญญา มองอย่างมีศิลปะ บางทีเราอาจจะได้ข้อคิดจากเรื่องต่ำๆ หมาๆ นี้ก็ได้
เรื่องมีอยู่ว่า มีหมาตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าลึก
ในค่ำของคืนวันหนึ่ง เป็นคืนวันเพ็ญเดือนหงายขึ้นสิบห้าค่ำ พระจันทร์เต็มดวง ทอแสงนวลใย ส่องโลกให้สวยงามยิ่งนัก
เจ้าหมาป่าเฝ้าแต่มองจ้องดวงจันทร์ ใจก็พลันคิดไป คิดทะเยอทะยานอยากใหญ่ใฝ่ฝันอันเจิดจ้า
ว่าข้านี่แหละหนา อยากจะเป็นดวงจันทร์ อยากจะทำหน้าที่ส่องโลก ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้เชยชม
ด้วยแรงแห่งความปรารถนาสักครู่ใหญ่ต่อมา ปัญญาแบบหมาๆ ก็เกิดผุดขึ้นในใจ
ความฝันอันสูงส่งจะเป็นจริงได้จะต้องพึ่งพาอาศัยท่านผู้มีฤทธิ์ ท่านผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ คงจะให้เราสถิตบนนภา รำพึงแล้วมิรอช้า
รีบมุ่งหน้าสู่อาศรมฤาษี รีบบอกเอ่ยเผยวจีว่า
ข้ามาครานี้ขอพึ่งพา ขอท่านจงโปรดเมตตา จงได้เนรมิตให้ข้าเป็นดวงจันทร์ ความฝันพลันเป็นจริง
เขาดีใจมากล้นในวาสนาของตนที่ได้ก้าวมาเป็นใหญ่เป็นโต โอ้โฮ...โอ้โฮ...นี่ หรือวาสนาเรา
เขาเพิ่งจะปลื้มมิทันนาน ได้พบพาลอุปสรรค ดวงจันทร์อันเป็นที่รักจำต้องแปรเปลี่ยนไป
เพราะเจ้าเมฆก้อนใหญ่ไหลพัดผ่านมา ปกคลุมแสงสว่างที่เคยผ่องใสนวลใยพลันมืดลง
คิดแล้วไม่ยอมปลงตรงไปหาท่านฤาษีอีกครา อย่ากระนั้นเลยพ่อท่าน ขอกรุณาจงเป่าเสก
อยากจะได้เป็นเอกขอเป็นเมฆเถิด คงจะเลิศกว่าดวงเดือน
ฤาษีท่านขยันรีบผลุนผลันแสดงฤทธิ์ธา ได้เป็นเมฆสมใจใครหรือจะมาสู้ข้า แม้นเจ้าหมู่ดารา ยังเกิดไฝฝ้าจนหมดงาม
ได้เป็นเมฆคะนองเมฆมิทันนาน มีเหตุการณ์เข้ามาใหม่ คือได้เกิดลมพายุใหญ่ พานพัดเมฆให้ต้องกระจาย
จิตใจเจ้าหมาต้องเร่าร้อน ต้องวิ่งว่อนพบฤาษี คุณพ่อครับ ช่วยลูกทีลูกอยากจะเป็นลม(พายุ) ที่ไหนร้อนระอุ ข้าจะพัดให้ร่มเย็น
พอเป็นลมสมใจหมายก่อความวุ่นวายไม่ยอมหยุด จนมาสะดุดย่อท้อเมื่อเจออุปสรรค
พัดผลักแล้วผลัก เจ้าลมยักษ์เกิดอ่อนแรง เมื่อได้เจอของแข็ง พัดจอมปลวกไม่ยอมพัง เป็นเหตุให้มานั่งจับเจ่าเป็นทุกข์ใจ
ซมซานไปพบพ่อฤาษีว่าลูกนี้จนปัญญา ขอเลื่อนอาสาขอเป็นจอมปลวกต่อไป
เป็นได้ไม่นานเท่าไหร่เจ้าควายใหญ่เข้ามาขวิด ขวิดแล้วขวิดจนหวุดหวิดพังทลาย
เป็นจอมปลวกนึกว่าดีแล้ว ยังไม่แคล้วมาแพ้ควายได้ เห็นทีจะเบื่อหน่ายขอเป็นควายเถอะเจ้าประคุณ
เจ้าควายเปลี่ยวแสนเกเรชอบเที่ยวเตร่อาละวาด ทำแบบไม่ฉลาดขวิดของขาดเสียหาย
ต้องเดือดร้อนถึงเจ้าของควาย ต้องวุ่นวายหาเชือกมะนิลามาใส่คอจนมั่นคง
หมดโอกาสทรนงได้ยืนงงเหงาหงอย ต้องเดือดร้อนท่านฤาษีช่วยอีกทีขอเป็นเชือก
ฤาษีไม่มีทางเลือกเสกให้เป็นเชือกต่อไป ได้เป็นเชือกสมใจหมายคงสบายแล้วแหละเรา
แม้แต่ควายยังโง่เขลา ยอมแพ้เราไปหนึ่งราย เหตุการณ์ไม่ใช่หยุดลงแค่นี้ สุดที่จะเดา
เพราะเจ้าหนูน้อยแวะเวียนมากัด เฝ้าเอาเขี้ยวมาแทะเล็ม เชือกใหญ่แสนใหญ่ ทนไม่ไหวกับเขี้ยวหนู
เห็นท่าจะทนไม่อยู่ถูกเจ้าหนูกัดไป คิดแล้วแค้นต้องวิ่งแจ้นสู่อาศรม บอกกล่าวพ่ออย่างตรอมตรมขมขื่นในอุรา
ช่วยลูกอีกทีเถิดหนาว่าเป็นหนูคงดี ออกจากเชือกขอเลือกมาเป็นหนู เป็นได้เพียงชั่วครู่ถูกแมวขู่กีดกิน
เฮ้อ...ขอเป็นแมวเถิดครับพ่อ (ขอตลอดเรื่อง) จะได้ไม่ท้อต่อฝีมือใคร คงฉลาดว่องไวป้องกันภัยได้ทุกแง่
พอเป็นแมวมิทันไร ถูกหมาใหญ่เข้ามารังแก เห็นท่าจะแย่เป็นแมวต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจอำลา
วิ่งกราบบาทา ลูกขอเป็นหมาดังเดิม...
เฮ้อ...เหนื่อย...เป็นโน้นเป็นนี่...เสียจนเหนื่อยอ่อนเพลีย
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า
ทะเยอทะยานอะไรกันนักหนา ขอให้ดูวาสนาของตน
ไม่ว่าหมาว่าคน ล้วนแต่เขาสมมติให้เป็น
บั้นปลายสุดท้าย เตี้ยลงๆ ปลงเสียเถิด
ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/readf615.html?No=383