ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ ตค. ๕๔ ...  (อ่าน 2904 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ ตค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พุธที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
        เหลืออีกหนึ่งวันก็จะสิ้นฤดูพรรษา พิจารณาทบทวนในสิ่งที่ผ่านมา
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ควบคุมความรู้สึกต่ออารมณ์กระทบทั้งหลายได้เร็วขึ้น มีสติและสัมปชัญญะ
มากกว่าอดีตที่ผ่านมา กาลเวลาสอนให้ระลึกนึกคิด รู้ถูกผิด ผิดชอบชั่วดี
มีการเจริญเมตตาจิตเพิ่มขึ้น จากการที่อยู่กับธรรมชาติและสรรพสัตว์รอบกาย
ดำเนินชีวิตไปตามบทบาทและหน้าที่ ด้วยการมีสติและสัมปชัญะควบคุมอยู่
การหมั่นฝึกคิดพิจารณาทุกอย่างให้เป็นธรรมะนั้น ช่วยให้ละวางได้อย่างมาก
โดยการฝึกคิดพิจารณาเข้าหากฎของพระไตรลักษณ์ เห็นถึงความเป็นอนิจจัง
ของสรรพสิ่งทั้งหลายรอบกาย ความแปรเปลี่ยนไปไม่เที่ยงแท้ ยึดถือไม่ได้
และรู้ถึงสภาวธรรมที่เกิดขึ้น เมื่อจิตเข้าไปยึดถือก็ทำให้เกิดทุกข์ จิตก็ปล่อยวาง
ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของพระไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา....
        อย่าได้รีบด่วนสรุปในการปฏิบัติธรรม ว่าเรารู้ธรรมแล้ว เข้าใจธรรมหมดแล้ว
เพราะสิ่งที่เรารู้และเราเห็นในขณะนี้นั้น มันเป็นไปตามเหตุและปัจจัยในปัจจุบันนี้
ที่เราได้ทำมา ซึ่งถ้าเราทำไปให้ยิ่งกว่านี้ เราก็จะรู้ จะเห็นและเข้าใจไปมากกว่านี้
ตราบใดที่เรายังไม่สิ้นกิเลส จงอย่ารีบด่วนสรุปว่าเรานั้นรู้และเข้าใจธรรมหมดแล้ว
เพราะยังมีอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ยังไม่เห็นและยังไม่เข้าใจ ผู้ที่จะฟันธงชี้ชัดได้
มีแต่พระพุทธเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ที่คำตรัสของพระองค์เป็นหนึ่งเสมอไม่มีผิดเพี้ยน
ฉะนั้นเราอย่าไปอวดเก่งกว่าพระพุทธเจ้า อย่าไปฟันธงชี้ชัด ว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น
มันต้องเป็นอย่างนี้ เพราะการที่ไปฟันธงชี้ชัดนั้น มันเกิดมาจากทิฏฐิมานะและอัตตา
ของตัวเราเอง การสำคัญตน ว่าเราเก่ง เรารู้ ดีกว่าผู้อื่น ซึ่งเป็นการจะนำไปสู่ความคิด
ที่ผิดทาง คิดเข้าข้างตนเอง หลงอารมณ์กรรมฐาน กลายเป็นเจ้าลัทธิไป ไม่ใช่สาวก
ของพระพุทธเจ้่า ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ผิดพลาดและอาจจะนำไปสู่อบายได้ เพราะจะกลาย
เป็นมิจฉาทิฏฐิไป จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจ ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายพึงสังวร
เพราะหลักคำสอนในพระพุทธศาสนานั้น ท่านไม่ให้เชื่อทันทีและก็ไม่ให้ปฏิเสธในทันที่
ท่านให้ลองนำไปประพฤติปฏิบัติ ฝึกหัดทดลองทำเสียก่อน จึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ ตามเหตุ
และผลแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย ดั่งที่เคยได้กล่าวไว้ว่า..." ถ้าเชื่อทันที เรียกว่า งมงาย
ถ้าปฏิเสธทันที เรียกว่า ขาดประโยชน์ ควรคิดพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบ ควรจะทดลอง
พิสูจน์ ฝึกฝนที่ใจตน ให้เกิดความกระจ่างชัด ขึ้นด้วยใจตนแล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ โดยเอา
เหตุและผลที่เป็นจริงมาเป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างก็จะเกิดที่ใจ ".....
                      เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                           รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๐.๐๕ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ boomee

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 339
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ ตค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 12 ต.ค. 2554, 08:15:45 »
กราบนมัสการครับพระอาจารย์  :054:
หากตัวท่านไรซึ่งความหวัง  กายท่านจะคงอยู่เพื่อสิ่งใด

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๑ ตค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 12 ต.ค. 2554, 11:06:00 »
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ :054:

อ้างถึง
ควบคุมความรู้สึกต่ออารมณ์กระทบทั้งหลายได้เร็วขึ้น มีสติและสัมปชัญญะ

สติมาปัญญาเกิด
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ