คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๑๒ ตค. ๕๔...บทอำลา...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
พฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
เมื่อวานที่ผ่านมา ตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะเป็นพระใหญ่และเป็นวันปวารณา
ออกพรรษา ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นั่งพิจารณาทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาตลอด ๙๐ วัน
อ่านบันทึก...คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป...ตั้งแต่บทแรกจนถึงบทหลังสุดที่เขียน
คือของวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ซึ่งถ้ารวมบทนี้ก็จะเขียนบันทึกธรรม บทกวี
ครบ ๙๐วัน คือตลอดทั้งพรรษาโดยมิได้ว่างเว้น ซึ่งการเขียนบันทึกการปฏิบัติธรรม
นั้นได้รับแรงบันดาลใจ มาจากการที่ได้อ่านหนังสือบันทึกของหลวงพ่อพุทธทาส
อนุทินชีวิต และหลังจากนั้นก็ได้นำมาเป็นข้อปฏิบัติในช่วงฤดูเข้าพรรษามาตลอด
ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะเขียนไว้เพื่อเป็นบันทึกเตือนเพื่อความทรงจำของตนเอง ว่าในเวลา
ที่ผ่านมานั้น เราทำอะไรมาบ้าง ปฏิบัติอย่างไรบ้าง คิดอย่างไร มีความรู้และความเข้าใจ
ในขณะนั้นเป็นอย่างไร เพราะเมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งที่เราได้บันทึกไว้มันคือตำนานให้
คนรุ่นหลังได้เอามาเป็นแบบอย่าง ในการดำเนินชีวิต ในการคิดและการกระทำ เพื่อจะ
ได้นำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตน และได้เริ่มนำมาลงในเว็บไซค์ของวัดบางพระ
ครั้งแรกในช่วงเข้าพรรษา ปี พ.ศ.๒๕๕๒ เพื่อเป็นการแบ่งปันให้แก่ท่านผู้ที่สนใจในการ
ปฏิบัติธรรม ให้ได้ศึกษากัน จึงขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกผู้ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่าน
บทบันทึก บทความ บทกวี ต่างๆที่ได้เขียนมาแล้ว ซึ่งบางท่านก็ได้ติดตามงานเขียนนั้น
มาโดยตลอดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๕๒ ซึ่งได้เขียนบทความ บทกวี และได้ตอบ
ปัญหาคำถามต่างๆมามาก ซึ่งงานเขียนที่ผ่านมานั้นได้เขียนครอบคลุมไว้เกือบทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นธรรมะเพื่อการปฏิบัติ การดำเนินชีวิต หลักการคิดทั้งในทางโลกและทางธรรม
หรืออีกหลายเรื่องในเรื่องทั่วๆไป ได้เขียนไว้และเป็นคำตอบให้แก่ผู้ที่สงสัยได้มากมาย
ถ้าท่านต้องกลับไปย้อนอ่านดู เพราะบทความธรรมะนั้น จะเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ท่าน
ต้องไปดูที่มาของธรรมะนั้น ว่ามีเหตุมีปัจจัยเป็นมาอย่างไร จึงได้มีทัศนะความคิดเห็น
อย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะว่าหลังจากออกพรรษาแล้ว จะต้องเดินทางบ่อยครั้ง ซึ่งอาจจะ
ทำให้ไม่สะดวกในการที่จะเขียน บทความบทบันทึกต่่างๆ อาจจะเว้นว่างไปตามจังหวะ
เวลาและโอกาส เท่าที่สามารถจะทำได้ และสำหรับผู้ที่สนใจใน การประพฤติปฏิบัติหรือ
มีปัญหาข้อสงสัยในเรื่องต่างๆ ทั้งในทางโลกและทางธรรม ในชีวิตครอบครัว ในธุรกิจ
อาชีพ การงาน ก็สามารถที่จะฝากคำถามไว้ที่ข้อความส่วนตัวได้ ซึ่งเมื่อมีเวลาก็จะมา
ตอบปัญหาข้อข้องใจให้ แต่บางครั้งอาจจะช้าไปบ้างแล้วแต่จังหวะ เวลาและโอกาส
(ถามได้ในทุกเรื่อง ตอบได้ทุกเรื่องที่ไม่ผิดธรรมผิดวินัย ) สุดท้ายนี้ขอความสุขสวัสดี
ความมีสิริมงคล ทั้งลาภและผล ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญทั้งหลาย ขอให้บังเกิด
แก่ท่านและครอบครัวตลอดไปเทอญ...
.....บทสรุปของวันเวลาหนึ่งพรรษาที่ผ่านมา....
๐ วันเวลา ผ่านไป ไม่หยุดนิ่ง
สรรพสิ่ง เกิดดับ และลับหาย
ผ่านเรื่องราว หลายหลาก และมากมาย
บทสุดท้าย งานเลี้ยง ย่อมเลิกลา
๐ ชีวิตเรา มีทั้งเศร้า และทั้งสุข
บางครั้งทุกข์ เพราะใจ นั้นใฝ่หา
หลงผิดไป ในกิเลส และอัตตา
เพราะตัณหา ความอยาก ที่มากมาย
๐ เมื่อพบทุกข์ ควรหันมา เข้าหาธรรม
เพื่อจะนำ จิตสู้ สู่ความหมาย
เพื่อวางจิต วางใจ ให้ผ่อนคลาย
จิตสบาย กายสุข ก็เห็นทาง
๐ เมื่อจิตโปร่ง โล่งเบา เอาจิตรู้
และตามดู จิตนั้น อยู่มิห่าง
เมื่อเห็นกาย เห็นจิต ก็เห็นทาง
เมื่อจิตว่าง ก็เห็นธรรม กำหนดไป
๐ รู้อะไร นั้นไม่สู้ รู้กายจิต
รู้ความคิด ของตน ตั้งต้นใหม่
มาดูกาย มาดูจิต มาดูใจ
ทำอะไร คิดอะไร ให้รู้ทัน
๐ มีสติ ระลึกรู้ อยู่ทั่วพร้อม
แล้วก็น้อม นำจิต คิดสร้างสรรค์
อยู่กับธรรม ให้รู้ ปัจจุบัน
เมื่อรู้ทัน ก็ไม่หลง มั่นคงไป
๐ จงศรัทธา ในความดี ที่มีอยู่
และเรียนรู้ พัฒนา หาสิ่งใหม่
เพื่อให้ธรรม ก้าวหน้า ยิ่งขึ้นไป
แล้วจะได้ พบสุข ไม่ทุกข์ทน
๐ สุขในธรรม ล้ำค่า หาใดเปรียบ
ไม่อาจเทียบ กับสุข ในทุกหน
เป็นความสุข ที่รู้ได้ เฉพาะตน
ต้องฝึกฝน ภาวนา หาให้เจอ
๐ เจริญสุข เพราะมีธรรม นั้นนำจิต
เพ่งพินิจ ระลึกรู้ อยู่เสมอ
ไม่ปล่อยจิต ให้ฝันไป ใจละเมอ
ไม่พลั้งเผลอ ตามดู ให้รู้ทัน
๐ บทสรุป ของคุณค่า เวลาผ่าน
ก็คืองาน ของจิต คิดสร้างสรรค์
บันทึกเป็น บทความ ไปตามวัน
ผ่านมานั้น เก้าสิบวัน ครบพอดี....
...............................................
...ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต...
...รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร...
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๑.๓๐ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี