ขอบคุณท่าน....: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
หลวงปู่ทวดฯกล่าวไว้เช่นกันว่า.........สุดยอดของนิพพาน คือ "ละ"จนถึงที่สุด
คติธรรมจากหลวงปู่ทวดฯ.....มนุษย์จะรู้ตนและเข้าใจตน คือต้องให้มนุษย์หยุดและพิจารณาตนโดยใช้สติสัมปชัญญะควบคุมตนให้สงบ(ศีลและมรรค8)
นี่คือการกำจัดอวิชชาใช่ไหมครับ
อวิชชา แปลตามศัพท์จะหมายถึง
"ความไม่รู้" แบ่งแยกย่อยออกเป็น ๘ ประการ ดังนี้ครับ
๑.ความไม่รู้จริงในทุกข์ครับ ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย กล่าวคือ ไม่รู้ว่ามาจากเหตุอะไรจึงทำให้เกิดผลเป็นเช่นนี้
๒.ความไม่รู้ในเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ คือ ไม่เข้าใจในสาเหตุของทุกข์ คือตัณหา ๓ ได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
๓.ความไม่รู้ในความดับทุกข์ คือ ไม่รู้ว่าเมื่อเหตุแห่งทุกข์คือตัณหาดับไป ความทุกข์จึงดับตามไปด้วย
๔.ความไม่รู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ คือ ไม่รู้ว่าจะดับทุกข์ด้วยวิธีไหน เพราะไม่เข้าใจในอริยมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
๕.ความไม่รู้ในส่วนที่เป็นอดีต คือ ไม่รู้ว่า ในอดีต ขันธ์ ธาตุ และอายตนะ ได้เคยมีมาหรือไม่อย่างไร
๖.ความไม่รู้ในส่วนที่เป็นอนาคต คือ ไม่รู้ว่า ในอนาคตนั้นจะมีขันธ์ ธาตุ อายตนะ เกิดขึ้นหรือไม่
๗.ความไม่รู้ทั้งในส่วนที่เป็นอดีตทั้งในส่วนที่เป็นอนาคต คือ ไม่รู้ว่าขันธ์ ธาตุและอายตนะได้มีมาแล้วในอดีต และจะมีในอนาคตอีกด้วย
๘.ความไม่รู้ในธรรมทั้งหลาย คือ ไม่รู้ว่า สิ่งนี้มีได้ ก็เพราะสิ่งนี้มีเป็นปัจจัย และไม่เข้าใจกระบวนการแห่ง "ปฏิจจสมุปบาท" อย่างถ่องแท้
อวิชชา ๘ อย่างข้างต้นนั้น จะดับไปได้ ก็ต้องอาศัยการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการให้ต่อเนื่องกัน โดยบำเพ็ญให้สมบูรณ์ทั้งส่วน ศีล สมาธิ และปัญญา เมื่อความสมบูรณ์แห่งองค์มรรคปรากฏขึ้น "วิชชา" คือ ความรู้แจ้งเห็นจริง ก็เกิดขึ้นในจุดที่เคยมีอวิชชาปรากฏอยู่นั้น กล่าวโดยสรุป
อวิชชา จึงหมายถึง ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ครับ หรือจะเรียกว่า ธรรมชาติที่ไม่รู้ตามความเป็นจริง ก็คงจะไม่ผิดนัก
มี ๘ ประการ คือ ไม่รู้ในทุกข์ ๑ , ไม่รู้ในทุกขสมุทัย ๑ , ไม่รู้ในทุกขนิโรธ ๑ , ไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ๑ , ไม่รู้ในส่วนอดีต ๑ , ไม่รู้ในส่วนอนาคต ๑ , ไม่รู้ในส่วนอดีตและอนาคต ๑ , ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทธรรม ๑ รวม ๘ ประการหนทางพ้นทุกข์ในอริยสัจ ๔ ก็คือ มรรคมีองค์ ๘ บุคคลใดพึงเจริญให้เกิดขึ้นมีแก่ตนแล้ว ก็สามารถกำจัด อวิชชา ให้ดับสิ้นไป เพื่อผลคือ พระนิพพานได้ครับ