บุคคลที่พระพุทธเจ้าห้ามบวชโดยเด็ดขาด
อภัพบุคคลเหล่านี้ ต้องห้ามบวชเพราะเพศบกพร่องก็มี เพราะประพฤติผิดพระธรรมวินัยก็มี เพราะประพฤติผิดต่อ (ผู้ให้) กำเนิดของเขาเองก็มี.
จำพวกมีเพศบกพร่องนั้น คือ บัณเฑาะก์ ที่แปลว่ากะเทย, อุภโตพยัญชนก ที่แปลว่าคนมีทั้ง ๒ เพศ
กะเทย นั้นได้ความตามบาลีและอรรถกถาว่า ได้แก่ชายมีราคะกล้า ประพฤตินอกจารีตในทางเสพกามและยั่วยวนชายอื่นให้เป็นเช่นนั้น
ชายผู้ถูกตอน (ขันที) ก็ห้ามอุปสมบทเหมือนกัน คนชนิดนี้เป็นที่รังเกียจของคนอื่นในทางกามารมณ์
อุภโตพยัญชนก คือคนมี ๒ เพศ เป็นหญิงก็มี เป็นชายก็มี
จำพวกคนทำผิดต่อพระศาสนา นั้นแสดงไว้ ๗ ประเภท คือ คนฆ่าพระอรหันต์, คนผู้ข่มขืนภิกษุณี, คนลักเพศ, ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ทั้งที่ยังเป็นภิกษุอยู่ สึกแล้วมาบวชใหม่ก็ห้าม), ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว, ภิกษุผู้ทำสังฆเภท, คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต
คนลักเพศ นั้นคือถือเพศภิกษุเอาเองด้วยตั้งใจจะปลอมเข้าอยู่ในหมู่ภิกษุ เช่นปลอมตัวว่าบวช ปลอมเข้าอยู่ในหมู่ภิกษุ
ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ นั้นเพ่งเอาผู้ไปเข้ารีตทั้งที่กำลังเป็นภิกษุ คฤหัสถ์เข้ารีตหรือภิกษุสึกแล้วจึงเข้ารีต ไม่จัดเข้าในข้อนี้
คนผู้ทำสังฆเภท หมายเอาภิกษุผู้มีสังวาสเสมอกัน ภายหลังแตกจากสงฆ์ไปตั้งคณะหนึ่งต่างหาก มีพระเทวทัตเป็นตัวอย่าง การจัดภิกษุผู้ทำสังฆเภทเป็นอภัพบุคคลนั้น ความว่า แม้ภิกษุนั้นกลับใจมาขอบวชเข้าหมู่อีก ก็ห้ามมิให้รับเข้าบวชเป็นเด็ดขาด
คนทำผิดต่อกำเนิดของตน นั้น คือ คนฆ่าพ่อฆ่าแม่
อภัพบุคคลเหล่านี้ ถ้ารู้มาก่อนก็ไม่พึงให้อุปสมบท(บวช) แต่ถ้าให้บวชแล้วเพราะไม่รู้ เมื่อภายหลังรู้ พึงให้สึกเสีย
มีปัญหาถามว่า ในบาลีห้ามไม่ให้อุปสมบท แต่จะให้เพียงบรรพชา (บวชเณร) จะได้ไหม? มีคำเฉลยว่า การบรรพชาทรงอนุญาตสำหรับคนมีอายุหย่อน ๒๐ ปี คือผู้ยังเป็นเด็กเท่านั้น เป็นเบื้องต้นแห่งการบวช ผู้ที่ถูกห้ามอุปสมบทจึงถูกห้ามไปถึงการบรรพชาด้วย
คนเคยต้องปาราชิก เมื่ออุปัชฌาย์ไม่รู้และให้บวชไปแล้ว ต่อมารู้ในภายหลังพึงให้สึกเสียจากเพศพระ.
ที่มา
http://sites.google.com/site/watluangpreechakul/prohibit-to-monk