มาหาความรู้ข้อมูลสำคัญกันดีกว่า

[tor.20]

เรามักจะได้ยินศิษย์หลายๆท่าน บอกกันว่า ผมนี่แหละได้สักกับมือหลวงพ่อเลย บางคน pm มาถาม
จึงมีปัญหาถามตามมากันบ่อยๆ ฉะนั้นผมมีความคิดว่าต้องช่วยกันหาข้อมูลเพื่อจะได้เปรียบเที่ยบข้อมูลกัน
ว่า หลวงพ่อเปิ่นท่านวางเข็มเลิกสัก วันที่เท่าไหร่ พ.ศ. อะไร...ใครมีบทบาทสำคัญที่ขอร้องให้หลวงพ่อวางเข็ม
ลองหาคำตอบกันครับ..งานนีีมีประโยชน์กับสมาชิกมากมายครับ....สำหรับผมเองมีคำตอบในใจแล้วล่ะ....

[รุท หมัดหนักครับ]

ขอบคุณครับ

[assis.aod]

ขนาดท่าน ดร.ไมตรี เกิด 2479 ยังได้สักเป็นคนสุดท้าย อายุต่ำกว่า 60 น้อยคนที่จะทันได้สักกับหลวงปู่

[tor.20]

ดร ไมตรี เป็นคนที่ขอร้องให้หลวงพ่อเลิกสักครับ

[tor.20]

เมตตาบารมีของหลวงพ่อเปิ่นท่านสูงส่งยิ่งนัก สมัยก่อนการเดินทางมาวัดบางพระไม่สะดวกเหมือนก่อน
ศิษย์บางคนถึงกับนอนค้างที่วัดปูเสื่อนอนกันริมตริ่งเลย บางคนเป็นไข้เนื่องจากสัก
เชื่อหรือไม่ว่า ประมาณ 3ทุ่ม หลวงพ่อท่านจะจุดยากันยุงแบบก้านธูปควันฟุ้งมาเลย
ท่านจะถามว่า มาจากไหนกัน หิวข้าวไหม หุงข้าวไว้หม้อนึง ใครหิวก็ไปตักกินได้เลยนะ เอ้านี่ยากันยุงใครเหนียวไม่ต้องเอา
แล้วท่านก็หันมายิ้มให้ แล้วหันหลังขึ้นกุฎิสวดมนต์

[นักรบอาทมาต]

ฟังดูแล้วผมอยากอยู่ในสมัยนั้นจริงๆครับ...

[เสือเดือนแปด]

     เท่าที่ทราบมาหลวงพ่อเลิกสักตั้งแต่ท่านไดรับสมณศักดิ์เป็นพระครู  ซึ่งเมื่อเทียบตามข้อมูล

ของทางวัดแล้ว หลวงพ่อได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูตั้งแต่ปี่ พ.ศ. ๒๕๒๒

     ส่วนที่ว่าท่าน ดร.ไมตรี บุญสูง เป็นผู้ขอให้หลวงพ่อเลิกสักนั้น ไม่น่าจะใช่ เพราะตามข้อมูลที่

ทราบมาท่าน ดร.ไมตรี ไปที่วัดบางพระครั้งแรกในขณะที่มีการก่อสร้างโบสถ์อยู่  ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วง

ปี พ.ศ.๒๕๒๕ขึ้นไป  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลวงพ่อเลิกสักแล้ว แต่ท่านก็ได้รับการสักจากหลวงพี่ต้อย

แทน โดยหลวงพ่อเปิ่นเป็นผู้เป่าครอบให้อีกครั้ง  ต่อมาหลวงพ่อได้เมตตารับท่าน ดร.ไมตรี เป็นบุตร

บุญธรรมจึงได้ลงเข็มสักให้ด้วยตัวท่านเอง  ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่รับทราบมา

                                                     ด้วยความเคารพครับ


                                                   

[tor.20]

ใกล้จะถึงไฮไลท์สำคัญที่ท่านอยากทราบแล้วละ
มาฟังเรื่องหลวงพ่อของเรากันต่อดีกว่า
หลวงพ่อท่านชอบและไม่ชอบอะไร ใครทราบบ้างหลายคนบอกว่าหลวงพ่อมีแต่รอยยิ้ม
 จริงครับท่านไม่เคยหน้าบึ้งหรือโกรธใคร
แม้แต่ภาพถ่ายของท่านไม่มีภาพใดที่ไม่มีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังและเมตตาบารมี
และที่สุดยอดก็คือของท่านในภาพถ่าย
จะมองเราตลอดไม่เชื่อลองมองท่านแล้วเดินไปซ้ายไปขวาจะพบว่าท่านจะมองเราตลอด
 มีอยู่ครั้งหนึ่งศิษย์ไปมีเรื่องมาแล้วมาเล่าเรื่องความเหนียวของตัวเอง เพื่อเอาใจหลวงพ่อหรือประการใดก็ไม่รู้
คนที่ได้ยินได้ฟังก็ตื่นเต้นกันใหญ่แต่พอหันไปทางหลวงพ่อทุกคนงงมาก
 แทนที่จะเห็นหลวงพ่อฟังหรือกล่าวชื่นชม ปรากฎว่าหลวงพ่อหลับ
ทำให้เราทราบถึงที่มาของคำว่าของจริงต้องนื่งเป็บใบ้ที่เราได้อ่านในเวปบ่อยๆครับ
และสิ่งนี้เองที่หลวงพ่อไม่ชอบเลยแกล้งหลับ
.........โปรดติดตามตอนต่อไปครับ......................

[tor.20]

ขอบคุณท่าน naklop สมาชิกที่กำลังมาแรง ครับ สำหรับภาพที่หายากยิ่ง ผู้ใดมีข้อมูลมาสนับสนุนเชิญเลยครับ
 เรามาช่วยค้นหาข้อมูลให้ครบกันครับ ผิดถูกไม่ว่ากัน ...เชิญครับ

[assis.aod]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ครับ แต่ข้อมูลควรจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเป็นประโยชน์ความรู้ที่ถูกต้องแก่เพื่อนสมาชิก
รู้ไปผิดๆแย่เลย

[tor.20]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ครับ แต่ข้อมูลควรจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเป็นประโยชน์ความรู้ที่ถูกต้องแก่เพื่อนสมาชิก
รู้ไปผิดๆแย่เลย

ขอบคุณครับ เรากำลังรวมรวมข้อมูลครับใครมีข้อมูลอย่างไรก็นำเสนอ สุดท้ายเราก็จะสรุปเพื่อนำข้อมูลที่ถูกต้องนำไปใช้ครับ

[เสือเดือนแปด]

จากคำถามของท่านtor.20

หลวงพ่อท่านชอบและไม่ชอบอะไร

เท่าที่สังเกตุหลวงพ่อท่านจะชอบฉันยาคูลท์ครับ

[tor.20]

วันนี้มีเรื่องที่เราหาคำตอบไม่ได้มาเล่าให้ฟังอีกครับ
 เรื่องที่ว่ามีชาวบ้านไปอุ้มท่านมาอยู่วัดบางพระ ไม่จริงครับหลวงพ่อท่านมีความประสงค์จะมาอยู่ที่วัดบางพระเองโดยให้ลูกศิษย์ 2คนไปรับมาครับ
คนแรกชื่อ นายประยงค์ แก้วนรา ปัจุบันยังมีชีวิตอยู่บ้านอยู่ใกล้ตลาดน้ำลำพญา ส่วนอีกคนเคยอยู่แถววัดบางพระปัจุบันอยู่แถวนราภิรมย์ ไม่ทราบชื่อ ลุงยงค์ จำชื่อไม่ได้ครับ  หลายๆท่านคงหายข้องใจนะครับ
สรุปว่าชาวบางพระไม่ได้อุ้มหลวงพ่อมานะครับ เป็นความประสงค์ของท่านเองเพียงแต่ว่าท่านมาโดยกระทันหันไม่บอกใครจ้ะ

[bangphralism]

เรามักจะได้ยินศิษย์หลายๆท่าน บอกกันว่า ผมนี่แหละได้สักกับมือหลวงพ่อเลย บางคน pm มาถาม
จึงมีปัญหาถามตามมากันบ่อยๆ ฉะนั้นผมมีความคิดว่าต้องช่วยกันหาข้อมูลเพื่อจะได้เปรียบเที่ยบข้อมูลกัน
ว่า หลวงพ่อเปิ่นท่านวางเข็มเลิกสัก วันที่เท่าไหร่ พ.ศ. อะไร...ใครมีบทบาทสำคัญที่ขอร้องให้หลวงพ่อวางเข็ม
ลองหาคำตอบกันครับ..งานนีีมีประโยชน์กับสมาชิกมากมายครับ....สำหรับผมเองมีคำตอบในใจแล้วล่ะ....

มาปูเสื่อรอฟังคำตอบในใจของลุง tor.20 เจ้าเก่าครับ 

[tor.20]

เรามักจะได้ยินศิษย์หลายๆท่าน บอกกันว่า ผมนี่แหละได้สักกับมือหลวงพ่อเลย บางคน pm มาถาม
จึงมีปัญหาถามตามมากันบ่อยๆ ฉะนั้นผมมีความคิดว่าต้องช่วยกันหาข้อมูลเพื่อจะได้เปรียบเที่ยบข้อมูลกัน
ว่า หลวงพ่อเปิ่นท่านวางเข็มเลิกสัก วันที่เท่าไหร่ พ.ศ. อะไร...ใครมีบทบาทสำคัญที่ขอร้องให้หลวงพ่อวางเข็ม
ลองหาคำตอบกันครับ..งานนีีมีประโยชน์กับสมาชิกมากมายครับ....สำหรับผมเองมีคำตอบในใจแล้วล่ะ....

มาปูเสื่อรอฟังคำตอบในใจของลุง tor.20 เจ้าเก่าครับ 

ยังไม่อยากทิ้งกระทู้นี้ไปครับ ได้ข้อมูลเสริมมาเล่าให้ฟังกันอีกมากครับ ส่วนไฮไลท์อดใจรอสักนิดครับ เดี๋ยวสมาชิกที่ให้ข้อมูลมาจะน้อยใจครับ

[tor.20]

สมาชิกหลายๆท่านเร่งมาอยากทราบเรื่องราวสำคัญโทรมาหาก็มี pm มาก็มี
ผมเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ทุกคนควรได้ทราบเพื่อบางทีข้อมูลที่ผมกับทีมงานได้สืบค้นมานี้จะเป็นประโยชน์ในการสืบทอดตำนานของหลวงพ่อเปิ่นที่พวกเราเคารพต่อไปครับ
ข้อมูลของผมได้มาจากศิษย์ท่านหนึ่ง[ขอสงวนนาม]ซึ่งนอกจากท่านจะเป็นศิษย์ของหลวงเปิ่นแล้วท่านยังเป็นศิษย์ของหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร
 วัดเวฬุวนารามเจ้าของ ยันต์นะลือชาที่โด่งดังอีกด้วย
ท่านได้เขียนคำกล่าวจากหลวงพ่อสำเนียงว่า
"เมื่อวันวิสาขบูชาปี24ฉันได้รับนิมนต์ที่วัดบางพระหลวงพ่อเปิ่นพูดกับฉันว่าเมื่อวานดร.ไมตรีมาค้างที่วัดคุยกันอยู่หลายเรื่อง
เขาอยากให้เลิกสัก ในใจฉันเห็นด้วยกับท่านแต่ไม่กล้าจึงชวนท่านคุยเรื่องอื่น พอก่อนจะกลับหลวงพ่อเปิ่นท่านมาส่ง
เหมือนท่านจะรู้ว่าฉันอยากจะถามอะไร ท่านก็ชิงบอกก่อนว่า ตกลงฉันขอวางเข็มวันนี้เลยละ"
และจากข้อมูลนี้แหละเป็นต้นเหตุแห่งการสืบค้นหารายละเอียดก็เลยได้ข้อมูลมาประกอบกันพอสรุปได้ดังนี้ครับ
ดร.ไมตรี บุญสูงมาหาหลวงพ่อ วันจันทร์ที่ 17 พ.ค. 24
 ขอร้องให้หลวงพ่อวางเข็ม
วันอังคารที่ 18 พ.ค.2524 เป็นวันวิสาขบูชาื ขึ้น15 ค่ำเดือน 6
 หลวงพ่อท่านกล่าวกับหลวงพ่อสำเนียงว่าท่านจะวางเข็ม
และที่น่าประหลาดใจก็คือ ปี 2524เป็นปีที่ผมไม่เคยพบเหรียญและวัตถุมงคลเลยก็ว่าได้
 หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ท่านละสังขาร 5 ต.ค.2531ครับ
หลายท่านอยากทราบก็คือใครทันได้สักกับหลวงพ่อ พอจะคาดคะเนได้ว่า ต้องอายุประมาณ 49 ขึ้นไป
  ท้ายบทสรุปนี้ผมกราบขอบพระคุณท่านที่ร่วมหาข้อมูล
ทั้งที่กล่าวนามและมิได้กล่าวนาม รวม 6ท่าน
กราบหลวงพ่อสำเนียง หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
ด้วยบุญญาบารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง
เมตตาศิษย์ได้พบข้อมูลสำคัญนำมาเผยแผ่
เพื่อเป็นหลักฐานสื่บทอดตำนานสายสักยันต์ หลวงพ่อเปิ่นวัดบางพระ
 ต่อไป...สาธุ

[นักรบอาทมาต]

ผมขออนุญาติ ลุงต้อเอาข้อมูลมาให้พี่น้องได้อ่านครับ

พอดีผมค้นหาเรื่องยันต์ปลาไหลเผือกเลยไปเจอมา

เอามาจาก เว็ปฯ "พระเครื่องตั้มศรีวิชัย" พอดีมีข้อมูลบางอย่างที่ผมไม่ทราบ

ก็เลยอยากเอามาแบ่งปันพี่น้องครับ



ยันต์ยอดนิยมหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ แม้ว่า"พระอุดมประชานาถ" หรือที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่นํ้านครชัยศรี จะมรณภาพไปแล้ว ๖ ปี (๓๐มิถุนายน ๒๕๔๕) แต่ สำนักสักยันต์วัดบางพระ ยังเป็นที่กล่าวขานของผู้ศรัทธาหลวงพ่อเปิ่น

และงานหนึ่งอันเป็นที่รอคอยของเหล่าบรรดาลูกศิษย์คือ "วันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น" ซึ่งถือว่า"เป็นการวัดพลังศรัทธา วันชุมนุมศิษย์หลวงพ่อเปิ่นจากทั่วสารทิศ" โดยในปีนี้จัดขึ้นใน วันเสาร์ที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๑ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔

 

พระลูกศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่นยังคงสืบทอดการสักยันต์ตามตำราไว้อย่างสมบูรณ์ มีอยู่ด้วยกัน ๕ รูป ซึ่งแต่ละรูปมีคำกล่าวขานของผู้สักยันต์กันไป คือ พระอาจารย์ประดิษฐ์กตปุญฺโญ หรือ อาจารย์แป้วน่าจะได้รับความนิยมจากลูกศิษย์มากสุดด้วยเหตุที่เริ่มสักยันต์ก่อนใคร

แต่ถ้าต้องการลายยันต์ที่เรียกว่าสักสวยเส้นคมชัดลึกเป็นระเบียบเรียบร้อยต้องสักกับ พระอาจารย์อนันต์อภินนฺโท หรือหลวงพี่นันต์

สำหรับผู้ที่เน้นพุทธคุณด้านเมตตามหานิย ค้าขาย และไม่ต้องการให้ใครเห็นลวยลายยันต์ ต้องสักกับ พระอาจารย์ติ่งสนฺตจิตฺโต หรือหลวงพี่ติ่งเพราะท่านจะสักด้วยน้ำมันอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนผู้ที่เน้นพุทธคุณแนวแคล้วคลาดปลอดภัยนั้นต้องสักกับ พระอาจารย์ประสิทธิ์ธมฺมโชโต หรือหลวงพี่ต้อยหลานแท้ๆของหลวงพ่อเปิ่น ในขณะที่ พระอาจารย์อภิญญาคนุตฺตโม หรือหลวงพี่ญาก็ขึ้นชื่อว่ายันต์ที่สักแต่ละตัวเข้มขลัง มีพุทธคุณครอบจักราวาล



"จำนวนลูกศิษย์ที่มาสักยันต์เพิ่มขึ้น มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ คนในสังคมปัจจุบันขาดกำลังใจ และเชื่อว่า อักขระเลขยันต์ของหลวงพ่อเปิ่น สามารถช่วยบรรเทาทุกข์ได้ รวมทั้งการเสนอข่าวของสื่อมวลชน คำเล่าขานของคนรุ่นก่อนๆ และการคมนาคมที่สะดวกขึ้น บางวันมีคนมาตั้งแต่ ๖ โมงเช้า  สักยันต์ไปจนถึงมืดค่ำก็มี ถ้าเป็นวันเสาร์วันอาทิตย์ อาจจะเป็นร้อยคน เหตุที่คนสักมากขึ้น สภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเมตตามหานิยม คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย ค่าครู ๒๕ บาท ดอกไม้ธูปเทียน ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ส่วนนอกเหนือจากนี้ขึ้นอยูกับศรัทธา" นี่คือความเห็นของหลวงพี่ญาสำหรับยันต์ยอดนิยมนั้นหลวงพี่ญา บอกว่า คนนิยมการสักยันต์ เพราะบารมีของหลวงพ่อเปิ่นที่สะสมชื่อเสียงมาตลอด แม้ท่านจะมรณภาพมาแล้ว ๖ ปี ลูกศิษย์ยังเหนียวแน่นอยู่ ยันต์ที่ได้รับความนิยม เป็นทั้งยันต์ที่ขึ้นชื่อด้านเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะ ยันต์ครูของสำนักวัดบางพระคือ ยันต์ ๙ ยอด ๘ ทิศ ยันต์งบน้ำอ้อย ยันต์เกาะเพชร ยันต์พุดซ้อน ส่วนรูปสัตว์นั้น เสือเผ่น ถือว่าได้ความนิยมสูงสุด ที่รองลงมาคือ หนุมานออกศึก ยันต์หนุมานอมเมือง

ส่วนยันต์อื่นๆที่ได้รับความนิยมสักลดลงตามลำดับ คือ ยันต์หอมเชียง (พระพุทธ ๑๐๘ ) ยันต์สายสังวาลย์ ยันต์พ่อแก่ฤาษี ยันต์แม่ทัพ ยันต์ดำดื้อ ยันแดงดื้อ ยันต์เสือเผ่น ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า (หมวกเหล็ก) ยันต์นกสาลิกา ยันต์จิ้งจกสองหาง ยันต์องค์พระพุทธ ยันต์ราชสีห์ ยันต์เกราะเพชร  ยันต์หมูทองแดง ยันต์ปลาไหล ยันต์ดอกบัว ยันต์พระราหู ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์ลิงลม ยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ยันต์พญาหงษ์ ยันต์ไตรสรณคมน์ ยันต์หัวใจต่างๆ เป็นต้น คาถาอาคม พระคาถาบทต่างๆ

"สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลังมีพุทธเข้มขลังเสมอไป ทั้งนี้ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ๑.ศีล ๕ อย่าให้ขาด โดยข้อ ๓ ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์ และต้องฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้วยังมีข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์อีก คือ ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว ๕.ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ทำแต่กรรมดี  อุปเท่ห์ของผู้ที่สักยันต์จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณอย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว" หลวงพี่ญา กล่าว

ครูประชุมโพธิสวรรค์ ประชาสัมพันธ์วัดบางพระบอกว่า ปัจจุบันนี้พระที่สักยันต์มี ๕ รูป ซึ่งสักมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่ ส่วนในวันไหว้ครูที่มีทั้งพระและฆราวาสมาสักยันต์ให้ลูกศิษย์จำนวนมากนั้น เป็นพระจากวัดอื่น ที่เคยสักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่น ซึ่งเท่าที่ทราบหลังจากหลวงพ่อเปิ่นมรณภาพ พระเหล่านี้ได้ไปเปิดสำนักยันต์เองจำนวนมาก พระนอกวัดที่มาสักยันต์ในวันไหว้ครู ส่วนใหญ่คุ้นเคยเคยกับพระที่สักยันต์ในวัดทั้ง ๕ รูป อยู่แล้ว ทั้งนี้จะสักเพราะวันไหว้ครูเท่านั้น พระจะควบคุมกันเอง คงไม่มีพระรูปใดที่ไม่รู้จัก แล้วมาสักยันต์เอง ส่วนใหญ่จะบอกว่า ได้รับการครอบครูจากหลวงพ่อเปิ่น ส่วนจะเท็จจริงประการใด วัดไม่ได้ตรวจสอบ ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาของลูกศิษย์

ยันต์ต้นแบบของวัดมีไม่กี่ยันต์ตามตำรับหลวงพ่อหิ่มอาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่นมีไม่กี่ยันต์ เช่น ยันต์ ๙ ยอด ยันต์ ๘ ทิศ ยันต์งบน้ำอ้อย ยันต์เกราะเพชร ยันต์พุดซ้อน ในสมัยหลวงพ่อหิ่มรูปสัตว์ไม่มีเลย ยันต์รูปสัตว์เพิ่งมีในสมัยหลวงพ่อเปิ่น เช่น ยันต์เสือเผ่น ยันต์ลิงลม ยันต์หนุมาน ยันต์สาลิกา จิ้งจก ปลาไหล

หลังจากสิ้นหลวงพ่อเปิ่นมียันต์รูปสัตว์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น พ่อแก่ ดำดื้อ คางคก ยันต์เหล่านี้เกิดมาจากลูกศิษย์ที่อยากจะได้ เอาแบบมาให้พระสักยันต์ จึงกลายเป็นว่า เป็นของวัดบางพระ โดยปริยาย

ในกรณีการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกศิษย์ที่มาร่วมไหว้ครูประจำปีนั้น ครูประชุม บอกว่า ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะสักเพื่อคงกระพัน สักเพื่อแคล้วคลาดปลอดภัย และสักเพื่อเป็นเมตตมหานิยม ทั้งนี้จะได้รับการครอบครูจากหลวงพ่อเปิ่นโดยตรง คนกลุ่มนี้จะมาด้วยพลังศรัทธา เชื่อมั่นในเรื่องยันต์หลวงพ่อเปิ่น ในขณะที่วัยรุ่นส่วนใหญ่มาตามกระแสนิยมมากกว่ามาด้วยพลังศรัทธา ทำให้คนมาร่วมงานเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งแต่ปีที่จัดงานก็ไม่เคยเกิดการทะเลาะวิวาท ระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน เพราะวัดได้ประกาศออกไปว่า เป็นงานของลูกศิษย์ทุกคน ไม่ใช่งานของวัด เพราะฉะนั้น หากเกิดเหตุใดๆ ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถ้าเกิดเรื่องใดๆ ระหว่างพิธีผู้สียหาย คือ ลูกศิษย์ทุกคน

"จากกิตติศัพท์ชื่อเสียงความเก่งกล้าในพุทธาคม ไสยเวท ของหลวงพ่อเปิ่นในอดีต ทำให้ทุกวันนี้ยังมีประชาชนทุกสารทิศมาร่วมทำบุญที่วัดกันอย่างต่อเนื่อง จนถึงทุกวันนี้ และเมื่อวัดบางพระจัดพิธีไหว้ครูสักยันต์ ทุกๆ ปียังคงมีศิษยานุศิษย์จากทั่วสารทิศ มาร่วมงานนับหมื่นคน และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ทุกวันนี้ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงที่หลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไป" ครูประชุม กล่าว

ปล. ข้อมูลนี้นานแล้วนะครับ...เรื่องปี ไม่ใช่ปัจจุบันนะครับ

[Gearmour]

ผมขออนุญาติ ลุงต้อเอาข้อมูลมาให้พี่น้องได้อ่านครับ



หลังจากสิ้นหลวงพ่อเปิ่นมียันต์รูปสัตว์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น พ่อแก่ ดำดื้อ คางคก ยันต์เหล่านี้เกิดมาจากลูกศิษย์ที่อยากจะได้ เอาแบบมาให้พระสักยันต์ จึงกลายเป็นว่า เป็นของวัดบางพระ โดยปริยาย

ด้วยความเคารพครับ
   เรื่องดำดื้อแดงเก ไม่จริงครับ
ที่หลัง อส.จ.ท่านหนึ่ง ทุกวันนี้ประจำจังหวัด
 มีลายมือหลวงพ่ออยู่ครับ
ท่านแทงเองที่โคกเขมาครับ
และสมัยหลวงพ่อเปิ่นท่านอยู่ ผมได้ดำดื้อแล้ว  อยากได้แดงเก
ไปขอหลวง่พ่อท่าน บอกว่าให้พระอ.พันท่านสักให้ ท่านว่าไม่ต้องสักครับ
    ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.ในที่สุดปีที่แล้วผมเข้าไปขอความเมตตาพระอาจารย์ต้อยท่าน ให้เมตตาสักแดงเกให้
   แล้วก็เข้าใจว่าทำไมหลวงพ่อท่านห้ามไว้

[นักรบอาทมาต]

ผมขออนุญาติ ลุงต้อเอาข้อมูลมาให้พี่น้องได้อ่านครับ



หลังจากสิ้นหลวงพ่อเปิ่นมียันต์รูปสัตว์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น พ่อแก่ ดำดื้อ คางคก ยันต์เหล่านี้เกิดมาจากลูกศิษย์ที่อยากจะได้ เอาแบบมาให้พระสักยันต์ จึงกลายเป็นว่า เป็นของวัดบางพระ โดยปริยาย

ด้วยความเคารพครับ
   เรื่องดำดื้อแดงเก ไม่จริงครับ
สมัยหลวงพ่อเปิ่นท่านอยู่ ผมได้ดำดื้อแล้ว  อยากได้แดงเก
ไปขอหลวง่พ่อท่าน บอกว่าให้พระอ.พันท่านสักให้ ท่านว่าไม่ต้องสักครับ
    ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.ในที่สุดปีที่แล้วผมเข้าไปขอความเมตตาพระอาจารย์ต้อยท่าน ให้เมตตาสักแดงเกให้
   แล้วก็เข้าใจว่าทำไมหลวงปู่ท่านห้ามไว้

ขอบคุณท่าน Gearmour มากๆครับ

นี่หล่ะครับ คือสิ่งที่ผมต้องการ  ข้อมูลที่ถูกต้องครับ...

นั่นหมายถึง บางทีเราทราบข้อมูลจากที่ไหนมาก็แล้วแต่ ยังเชื่อไม่ได้ 100 %

ควรปรึกษาผู้รู้อีกที

ปล. แต่ขออนุญาติถามเพิ่ม หลวงพ่อเปิ่น ท่านห้ามไว้

 พอสักมาแล้วเป็นอย่างไรครับ...

[assis.aod]

กระทู้เก่านี้ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=1815.msg10409#msg10409

น่าจะสอดคล้องกับข้อมูลของพี่ เสือเดือนแปด น่าจะพออนุมานได้ว่า ดร.ไมตรี ไม่ได้เป็นผู้ขอร้องให้หลวงปู่เลิกสัก
และหลังจากที่หลวงปู่รับ ดร.ไมตรี เป็นบุตรบุญธรรมแล้วสักให้ ดร.ไมตรี ซึ่งน่าจะได้รับการสักหมึกจากหลวงปู่เป็นคนสุดท้าย
หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ยังสักน้ำมันอยู่บ้าง เท่าที่ทราบมายังมีลูกศิษย์ที่หลวงปู่สักยันต์เก้ายอดน้ำมันหลังจากที่หลวงปู่สักให้
ดร.ไมตรี ราวสองสามปีแล้วเหมือนกัน

[นักรบอาทมาต]

ชอบจริงๆครับ....

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพียงไม่ถึง 40 ปี

ถ้าไม่มีการบันทึกไว้ให้ดี ในอนาคตต่อไปจะยิ่งสร้างความสับสน

[โองการยันนะรังสี]

แจ้งสมาชิก ให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านและรับฟัง เพราะว่าข้อมูลยังคลาดเคลื่อนอยู่นะครับ

[tor.20]

กรณีดำดื้อแดงเก ความจริงก็คือเป็นยันต์ของหลวงพ่อแต่ดั้งเดิมครับ
 ผมได้เมตตาดำดื้อจากหลวงพ่อท่านสมัยตอนที่ผมสักน้ำมันอยู่เช่นกันครับ
     ข้อนี้ผมรับรองด้วยตัวเอง
แต่กรณีที่บอกว่าหลวงพ่อท่านวางเข็มแล้วกลับมาสักผมมีความเห็นว่า
          ไม่น่าจะจริง
เพราะหลวงพ่อของพวกเราท่านรักษาคำพูดรัษาสัจจะสุดยอดเลยครับท่าน
 แต่ที่เคยเห็นคือท่านใช้เหล็กจารลงยันต์ให้ศิษย์ ที่เป็นตำรวจสน.ท่าเรือครับ

[ฉิมพาลี]

ก่อน ก็อบปี้ แล้ว เอามาวาง ก่อนโพส น่าจะรีวิว อ่านก่อนก็ได้นะครับ

เป็นคนสืบสานตำนาน ต้องแม่นและอย่ามั่ว

ไม่งั้นจะเละเพราะ ตำ นานเกินไป

[Sanya_Yant]

ผมขออนุญาติ ลุงต้อเอาข้อมูลมาให้พี่น้องได้อ่านครับ

พอดีผมค้นหาเรื่องยันต์ปลาไหลเผือกเลยไปเจอมา

เอามาจาก เว็ปฯ "พระเครื่องตั้มศรีวิชัย" พอดีมีข้อมูลบางอย่างที่ผมไม่ทราบ

ก็เลยอยากเอามาแบ่งปันพี่น้องครับ



ยันต์ยอดนิยมหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ แม้ว่า"พระอุดมประชานาถ" หรือที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่นํ้านครชัยศรี จะมรณภาพไปแล้ว ๖ ปี (๓๐มิถุนายน ๒๕๔๕) แต่ สำนักสักยันต์วัดบางพระ ยังเป็นที่กล่าวขานของผู้ศรัทธาหลวงพ่อเปิ่น

และงานหนึ่งอันเป็นที่รอคอยของเหล่าบรรดาลูกศิษย์คือ "วันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น" ซึ่งถือว่า"เป็นการวัดพลังศรัทธา วันชุมนุมศิษย์หลวงพ่อเปิ่นจากทั่วสารทิศ" โดยในปีนี้จัดขึ้นใน วันเสาร์ที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๑ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔

 

พระลูกศิษย์ของหลวงพ่อเปิ่นยังคงสืบทอดการสักยันต์ตามตำราไว้อย่างสมบูรณ์ มีอยู่ด้วยกัน ๕ รูป ซึ่งแต่ละรูปมีคำกล่าวขานของผู้สักยันต์กันไป คือ พระอาจารย์ประดิษฐ์กตปุญฺโญ หรือ อาจารย์แป้วน่าจะได้รับความนิยมจากลูกศิษย์มากสุดด้วยเหตุที่เริ่มสักยันต์ก่อนใคร

แต่ถ้าต้องการลายยันต์ที่เรียกว่าสักสวยเส้นคมชัดลึกเป็นระเบียบเรียบร้อยต้องสักกับ พระอาจารย์อนันต์อภินนฺโท หรือหลวงพี่นันต์

สำหรับผู้ที่เน้นพุทธคุณด้านเมตตามหานิย ค้าขาย และไม่ต้องการให้ใครเห็นลวยลายยันต์ ต้องสักกับ พระอาจารย์ติ่งสนฺตจิตฺโต หรือหลวงพี่ติ่งเพราะท่านจะสักด้วยน้ำมันอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนผู้ที่เน้นพุทธคุณแนวแคล้วคลาดปลอดภัยนั้นต้องสักกับ พระอาจารย์ประสิทธิ์ธมฺมโชโต หรือหลวงพี่ต้อยหลานแท้ๆของหลวงพ่อเปิ่น ในขณะที่ พระอาจารย์อภิญญาคนุตฺตโม หรือหลวงพี่ญาก็ขึ้นชื่อว่ายันต์ที่สักแต่ละตัวเข้มขลัง มีพุทธคุณครอบจักราวาล



"จำนวนลูกศิษย์ที่มาสักยันต์เพิ่มขึ้น มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ คนในสังคมปัจจุบันขาดกำลังใจ และเชื่อว่า อักขระเลขยันต์ของหลวงพ่อเปิ่น สามารถช่วยบรรเทาทุกข์ได้ รวมทั้งการเสนอข่าวของสื่อมวลชน คำเล่าขานของคนรุ่นก่อนๆ และการคมนาคมที่สะดวกขึ้น บางวันมีคนมาตั้งแต่ ๖ โมงเช้า  สักยันต์ไปจนถึงมืดค่ำก็มี ถ้าเป็นวันเสาร์วันอาทิตย์ อาจจะเป็นร้อยคน เหตุที่คนสักมากขึ้น สภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเมตตามหานิยม คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย ค่าครู ๒๕ บาท ดอกไม้ธูปเทียน ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ส่วนนอกเหนือจากนี้ขึ้นอยูกับศรัทธา" นี่คือความเห็นของหลวงพี่ญาสำหรับยันต์ยอดนิยมนั้นหลวงพี่ญา บอกว่า คนนิยมการสักยันต์ เพราะบารมีของหลวงพ่อเปิ่นที่สะสมชื่อเสียงมาตลอด แม้ท่านจะมรณภาพมาแล้ว ๖ ปี ลูกศิษย์ยังเหนียวแน่นอยู่ ยันต์ที่ได้รับความนิยม เป็นทั้งยันต์ที่ขึ้นชื่อด้านเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะ ยันต์ครูของสำนักวัดบางพระคือ ยันต์ ๙ ยอด ๘ ทิศ ยันต์งบน้ำอ้อย ยันต์เกาะเพชร ยันต์พุดซ้อน ส่วนรูปสัตว์นั้น เสือเผ่น ถือว่าได้ความนิยมสูงสุด ที่รองลงมาคือ หนุมานออกศึก ยันต์หนุมานอมเมือง

ส่วนยันต์อื่นๆที่ได้รับความนิยมสักลดลงตามลำดับ คือ ยันต์หอมเชียง (พระพุทธ ๑๐๘ ) ยันต์สายสังวาลย์ ยันต์พ่อแก่ฤาษี ยันต์แม่ทัพ ยันต์ดำดื้อ ยันแดงดื้อ ยันต์เสือเผ่น ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า (หมวกเหล็ก) ยันต์นกสาลิกา ยันต์จิ้งจกสองหาง ยันต์องค์พระพุทธ ยันต์ราชสีห์ ยันต์เกราะเพชร  ยันต์หมูทองแดง ยันต์ปลาไหล ยันต์ดอกบัว ยันต์พระราหู ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์ลิงลม ยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ยันต์พญาหงษ์ ยันต์ไตรสรณคมน์ ยันต์หัวใจต่างๆ เป็นต้น คาถาอาคม พระคาถาบทต่างๆ

"สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลังมีพุทธเข้มขลังเสมอไป ทั้งนี้ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ๑.ศีล ๕ อย่าให้ขาด โดยข้อ ๓ ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์ และต้องฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้วยังมีข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์อีก คือ ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว ๕.ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ทำแต่กรรมดี  อุปเท่ห์ของผู้ที่สักยันต์จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณอย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว" หลวงพี่ญา กล่าว

ครูประชุมโพธิสวรรค์ ประชาสัมพันธ์วัดบางพระบอกว่า ปัจจุบันนี้พระที่สักยันต์มี ๕ รูป ซึ่งสักมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่ ส่วนในวันไหว้ครูที่มีทั้งพระและฆราวาสมาสักยันต์ให้ลูกศิษย์จำนวนมากนั้น เป็นพระจากวัดอื่น ที่เคยสักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่น ซึ่งเท่าที่ทราบหลังจากหลวงพ่อเปิ่นมรณภาพ พระเหล่านี้ได้ไปเปิดสำนักยันต์เองจำนวนมาก พระนอกวัดที่มาสักยันต์ในวันไหว้ครู ส่วนใหญ่คุ้นเคยเคยกับพระที่สักยันต์ในวัดทั้ง ๕ รูป อยู่แล้ว ทั้งนี้จะสักเพราะวันไหว้ครูเท่านั้น พระจะควบคุมกันเอง คงไม่มีพระรูปใดที่ไม่รู้จัก แล้วมาสักยันต์เอง ส่วนใหญ่จะบอกว่า ได้รับการครอบครูจากหลวงพ่อเปิ่น ส่วนจะเท็จจริงประการใด วัดไม่ได้ตรวจสอบ ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาของลูกศิษย์

ยันต์ต้นแบบของวัดมีไม่กี่ยันต์ตามตำรับหลวงพ่อหิ่มอาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่นมีไม่กี่ยันต์ เช่น ยันต์ ๙ ยอด ยันต์ ๘ ทิศ ยันต์งบน้ำอ้อย ยันต์เกราะเพชร ยันต์พุดซ้อน ในสมัยหลวงพ่อหิ่มรูปสัตว์ไม่มีเลย ยันต์รูปสัตว์เพิ่งมีในสมัยหลวงพ่อเปิ่น เช่น ยันต์เสือเผ่น ยันต์ลิงลม ยันต์หนุมาน ยันต์สาลิกา จิ้งจก ปลาไหล

หลังจากสิ้นหลวงพ่อเปิ่นมียันต์รูปสัตว์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น พ่อแก่ ดำดื้อ คางคก ยันต์เหล่านี้เกิดมาจากลูกศิษย์ที่อยากจะได้ เอาแบบมาให้พระสักยันต์ จึงกลายเป็นว่า เป็นของวัดบางพระ โดยปริยาย

ในกรณีการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกศิษย์ที่มาร่วมไหว้ครูประจำปีนั้น ครูประชุม บอกว่า ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะสักเพื่อคงกระพัน สักเพื่อแคล้วคลาดปลอดภัย และสักเพื่อเป็นเมตตมหานิยม ทั้งนี้จะได้รับการครอบครูจากหลวงพ่อเปิ่นโดยตรง คนกลุ่มนี้จะมาด้วยพลังศรัทธา เชื่อมั่นในเรื่องยันต์หลวงพ่อเปิ่น ในขณะที่วัยรุ่นส่วนใหญ่มาตามกระแสนิยมมากกว่ามาด้วยพลังศรัทธา ทำให้คนมาร่วมงานเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งแต่ปีที่จัดงานก็ไม่เคยเกิดการทะเลาะวิวาท ระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน เพราะวัดได้ประกาศออกไปว่า เป็นงานของลูกศิษย์ทุกคน ไม่ใช่งานของวัด เพราะฉะนั้น หากเกิดเหตุใดๆ ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถ้าเกิดเรื่องใดๆ ระหว่างพิธีผู้สียหาย คือ ลูกศิษย์ทุกคน

"จากกิตติศัพท์ชื่อเสียงความเก่งกล้าในพุทธาคม ไสยเวท ของหลวงพ่อเปิ่นในอดีต ทำให้ทุกวันนี้ยังมีประชาชนทุกสารทิศมาร่วมทำบุญที่วัดกันอย่างต่อเนื่อง จนถึงทุกวันนี้ และเมื่อวัดบางพระจัดพิธีไหว้ครูสักยันต์ ทุกๆ ปียังคงมีศิษยานุศิษย์จากทั่วสารทิศ มาร่วมงานนับหมื่นคน และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ทุกวันนี้ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงที่หลวงพ่อเปิ่นยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไป" ครูประชุม กล่าว

ปล. ข้อมูลนี้นานแล้วนะครับ...เรื่องปี ไม่ใช่ปัจจุบันนะครับ

แสดงว่าคนที่เขียนบทความนี้ไม่รู้จัก พระอาจารย์สัมพันธ์ ใช่ไหมครับ

[tor.20]

แสดงว่าคนที่เขียนบทความนี้ไม่รู้จัก พระอาจารย์สัมพันธ์ ใช่ไหมครับ
[/quote]ใช่ครับ ผมอ่านแล้วก็คิดตามท่านนี่แหละ
ถ้าเป็นตำนานหรือประวัติต้องมีเรื่องพระอาจารย์พันธ์ ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม
              ขึ้นคาเข็มครับ
และที่ไม่มีใครกล่าวถึงเลยคือหลวงพ่อไล้ มานิโย
ท่านเป็นพี่ชายหลวงพ่อเปิ่นครับ ข้อมูลต้องครบครับ

[นักรบอาทมาต]

สำหรับผมแล้ว ถือได้ว่าเป็นศิษย์พระอาจารย์สัมพันธ์ คนนึงครับ

แต่ทราบดีว่า คนเขียน น่าจะหมายความเฉพาะ พระอาจารย์ที่สักอยู่ที่วัดบางพระเท่านั้นครับ

ผมว่าไม่ใช่เขาไม่รู้จัก  อันนี้จากความเข้าใจของผม

และที่ผมเอามาให้พี่น้องอ่าน ก็อยากให้ผู้รู้เข้ามาอ่าน จะได้ทักท้วง เพื่อข้อมูลที่ผมได้รับจะได้ถูกต้อง

โดยผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก  จึงไม่ได้เชื่อ 100% จึงจำเป็นต้องให้ผู้รู้ที่เรานับถือในเว็ปฯเราได้อ่านด้วย

เราพี่น้องวัดบางพระจะได้รู้อะไรพร้อมๆกันที่ถูกต้อง

และอะไรที่ไม่ถูกต้อง ครับ

ด้วยความเคารพ  เพราะเจตตนาลุงต้อน่าจะให้เอามาแชร์

[nong-juk]

  ปี่กลองเชิดแล้ว ไม่ต้องยุก็รำจนจบเพลง

[tor.20]

  ปี่กลองเชิดแล้ว ไม่ต้องยุก็รำจนจบเพลง

ขอบคุณครับ......
     ยังไงๆก็ต้องถึงบทสรุปครับเพราะผู้ร่วมค้นหาข้อมูลมีความตั้งใจในการหา
  เพื่อประติดประต่อเรื่องราวให้สมบูรณ์แบบที่สุด
  เพื่อทดแทนพระคุณหลวงพ่อเปิ่นที่พวกเราเคารพยิ่งครับ
  ช่วงนี้ก็ยังรอข้อมูลจากสมาชิกอีกซัก 2-3 วันเผื่อจะมีใครมีหลักฐานมาโต้แย้งครับ
  มีสมาชิกหลายท่านที่รู้จักโทรมาถามว่า ท่านผู้ให้ข้อมูลที่สงวนนามไว้ชื่ออะไร
   ด้วยความเคารพได้ไปอนุญาตท่านอีกครั้งท่านก็ให้บอกเพียงแต่ว่า
ท่านเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  นามสกุลอาภากร บ้านอยู่แถวตลิ่งชันครับ
  ตามคำขอครับ