คือว่า ผมไป มีอะไรกับ ผู้หญิงที่ เลิกกับแฟนแล้ว แต่ว่ายังอยู่ด้วยกันอ่ะคับ แต่ต่างคนต่างอยู่ คือว่า ผิดทางธรรมมั้ยคับ
ผู้ถามถามว่า "ผิดทางธรรมหรือไม่?" ผู้ตอบก็จะใช้ฐานทาง "ธรรม" มาอธิบายคำตอบประกอบการพิจารณาดังนี้..
*เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาว่าผิดทางธรรมหรือไม่นั้น อาจจะนำวินัยในประเด็นเรื่องศีลมาพิจารณาเทียบเคียงได้ (?)
"ยกองค์แห่งศีลข้อ ๓ (กาเมสุมิจฉาจารฯ) มาเพื่อประกอบการพิจารณา"
องค์แห่งศีลข้อ ๓ ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ คือ
๑. อะคะมะนียวัตถุ - เป็นวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ควรถึงไม่ควรเสพ
๒. ตัสมิงเสวะนะจิตตัง - มีจิตคิดจะเสพในอคมนียวัตถุหรือบุคคลนั้น
๓. เสวะนัปปะโยโค - เพียรเพื่อจะเสพ
๔. มัคเคนะ มัคคะปะฏิปัตติ อะธิวาสะนัง - ยังมัคให้ถึงมัค (หมายเอาองค์กำเนิดเข้าในช่องสังวาส)
หากมีองค์ประกอบครบทั้ง ๔ ประการข้างต้น ก็สามารถพิจารณาตัดสินลงไปได้ว่า "ผิดศีลข้อ ๓ หรือศีลขาด" หากไม่ครบองค์ทั้ง ๔ นี้ก็ถือว่า "ศีลไม่ขาด" (มีองค์เพียง ๒- ๓ จะเรียกว่า ศีลด่าง และศีลพร้อย ตามลำดับ)
สิ่งที่จะต้องมาพิจารณาต่อไปก็คือ ประเด็นของ "อะคะมะนียวัตถุ - เป็นวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ควรถึงไม่ควรเสพ" ว่าบุคคลเช่นใดคือบุคคลต้องห้ามบ้าง (ในประเด็นของเจ้าของกระทู้จะขอพิจารณาเฉพาะลักษณะหรือประเภทของหญิงต้องห้าม)
ยกตามที่อรรถกถาจารย์ท่านอธิบายไว้ หญิงต้องห้าม ประกอบด้วยสตรี ๒๐ จำพวก ดังนี้คือ
สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของมารดา ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของบิดา ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของทั้งมารดาและบิดา ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของพี่ชายหรือน้องชาย ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของพี่สาวหรือน้องสาว ๑, สตรีที่ยังอยู่ในความดูแลของญาติ ๑, สตรีที่เป็นวงศ์ตระกูลเดียวกัน ๑, สตรีที่เป็นนักบวช ๑, สตรีที่มีสามี ๑, สตรีที่อยู่ในความคุ้มครองของอาญาบ้านเมือง ๑, สตรีที่ซื้อมาด้วยทรัพย์ด้วยประสงค์จะอยู่ร่วม ๑, สตรีที่อยู่กินกันด้วยความพึงพอใจ ๑ - สตรีที่อยู่ด้วยโภคะ ๑ - สตรีที่อยู่ด้วยแผ่นผ้า ๑ (๓ ประการนี้หมายเอาถึงสตรีที่มีฐานะยากจน ได้รับการอุปการะแล้วอาศัยอยู่ในฐานะภรรยา), สตรีที่จุ่มนิ้วมือในภาชนะน้ำ ๑ (หมายเอาประเพณีในสมัยก่อนที่ญาติจับแต่งกับชายด้วยเพียงการนำนิ้วของทั้งสองจุ่มน้ำในถาดเดียวกัน), สตรีที่บุรุษปลงเทริดลง ๑ (หมายเอาหญิงที่มาอยู่กับฝ่ายชายเพราะฝ่ายชายมาช่วยรับแบ่งเบาภาระ), สตรีที่เป็นทั้งทาสและเป็นทิังภรรยา ๑, สตรีที่เป็นทั้งคนทำงานและเป็นทั้งภรรยา ๑, สตรีที่เป็นเชลย ๑ และสตรีที่เป็นหญิงแพศยาหรือโสเภณีอีก ๑ "รวมเป็น ๒๐"
(ห้ามผิดลูกผิดเมียผู้อื่น หากพิจารณาดีๆ สามารถแยกออกเป็น ๒ คือ "ผิดลูกผู้อื่น ๑" และ "ผิดเมียผู้อื่น อีก ๑")
ทั้งหมดนี้เป็นหลักทางพระธรรมวินัยตามที่อรรถกถาจารย์อธิบายไว้ เพื่อใช้ตัดสินว่าผิดศีลผิดธรรมหรือไม่ ก็ลองใช้เป็นหลักในการพิจารณาดูครับ
**แม้กาลจะล่วงเลยผ่านไปกว่า ๒,๖๐๐ ปี แต่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ยังคงทันสมัยใช้ได้ทุกกาลเสมอ
***บทสรุป...ไม่มีอะไรใหม่ในสังสารวัฏ..มันเป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา).