เป็นบทความดีๆที่กระผม ซึ่งมีความเชื่อถือศรัทธา ในศาสตร์ แขนงนี้ (สักเสกเลขยันต์) หากแต่มีคนบางกลุ่มบางคนในสังคม รังเกียจในรอยสักยันต์ ที่มีความคิด อคติกับคนที่สักอย่างพวกเรา
เค้ามองพวกเราเป็นคนไม่ดี นักเลง อัธพาล แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มองสิ่งที่พวกเรายึดถือปฏิบัติตามวิถีแห่งชาวพุทธ นั่นก็ คือ
ประกอบแต่กรรมดี ละเว้นกรรมชั่วทั้งปวงบางคนว่า พวกเรา งมงายไร้สาระ แต่ในความไร้สาระนั้นก็ทำให้กระผมรู้จัก ศีลทั้ง 5 ข้อ ซึ่งน้อยคนนักที่จะยึดถือปฏิบัติได้ครบ......
แม้โลกยุคปัจจุบันจะเป็นโลกวิทยาศาสตร์ก็ต้องยอมรับว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์และอิทธิปาฎิหาริย์เป็นของที่มีจริงและแน่นอน แต่เราก็ต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาดูให้รู้ก่อนโดยแท้ว่าอิทธิปาฎิหาริย์นั้นๆ เกิดจากทางสูงหรือทางต่ำ ทางสูง : ได้แก่ พุทธาคม อันบรรดาคณาจารย์ ผู้สำเร็จอภิญญา สำเร็จสมถะกัมมัฎฐาน สำเร็จวิชาวิปัสสนากับกัมมัฎฐานได้รจนาไว้ พร้อมทั้งพระพุทธคาถาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ถือว่าเป็นบทท่องสวดภาวนาเพื่อให้เกิดศิริมงคล ป้องกันสรรพอันตรายแคล้วคลาดห้วงภัยนานาประการ ตลอดจนเจริญภิญโญในวิถีชีวิตด้วยขอให้ผู้ใช้มีอัคศรัทธายึดมั่น ตั้งสมาธิแน่วแน่ก็ย่อมจะยังผลสัมฤทธิ์ให้อย่างแน่นอนส่วนอีกทางหนึ่ง คือ ไสยเวทย์เวทย์มนต์
คือ เวทย์มนต์ที่เกิดจาก
ไสยศาสตร์ ซึ่งก็มีจริงและสามารถเกิดปาฏิหาริย์ได้เหมือนกัน แต่เกิดจาก
ทางต่ำและแยกออกได้ 4 ประเภท คือ
1.คงกระพัน เหนียว ฟันแทง เชือด ยิงไม่เข้า
2.ชาตรี ไม่เจ็บ ถูกตะพด กระบอง ก้อนหินทุ่มไม่เป็นไร
3.รู้สำนึก รู้ตัวว่าอันตรายจะเกิดแก่ตน
4. พวกสเน่ห์ยาแฝด หงษ์ร่อน มังกรรำ เป๋อ อิ้น งั่งตาแดง ปล่อยคุณไสย
ในจำนวนทั้ง 4 ประเภทนี้
วิชาที่เรียกได้ว่า เป็น เดียรถีย์วิชา (เดรัจฉาน) คือ ประเภทที่4 เป็น วิชาที่ต่ำช้าชั่วร้ายมากที่สุด ในพระพุทธศาสนานั้น ผู้ที่สำเร็จญาณสมาบัติได้ ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ย่อมแสดงอิทธิฤทธิ์ได้หลายอย่างเป็นเอนกประการ อิทธิฤทธิ์เหล่านี้เรียกว่า
"อิทธิปาฎิหาริย์" เป็นการกระทำที่สามัญชนไม่สามารถจะกระทำได้
ดังมีหลักฐานปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก มากมาย และพระคณาจารย์เจ้าผู้สำเร็จญาณสมาบัติ ท่านย่อมทรงไว้ซึ่งฤทธิ์โดยที่พระพุทธองค์ ผู้เป็นเจ้าของพุทธศาสนานั้น พระองค์ทรงไว้ด้วยคุณ 3 ประการ คือ
1.พระเมตตาคุณ
2.พระปัญญาคุณ
3.พระบริสุทธิ์ ดังนั้นพระเถรานุเถระผู้ทรงไว้ด้วยญาณสมาบัติ ก็มักจะใชฤทธิ์ของท่านช่วยชีวิตมนุษย์และสัตว์โลก ซึ่งถือเอาหลักพระเมตตาคุณ เป็นการตามรอยพระยุคลบาทแห่ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระบรมศาสดา
พระพุทธเจ้าก็ทรงเคยแสดงยมกปาฎิหาริย์อันเป็นมหามหัศจรรย์ พระโมคคัลลานเถระ อรหันต์เจ้า และพระอรหันตสาวกอีกจำนวนมาก ล้วนเคยแสดงอิทธิปาฎิหาริย์มาแล้วทั้งนั้น หากแต่ว่าพระองค์มิได้ทรงยกย่องอิทธฺปาฎิหาริย์ให้สูง เท่า อนุสาสนีปาฎิหาริย์เท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าจึงทรงห้ามมิให้แสดงฤทธิ์พร่ำเพรื่อ แต่เมื่อถึงคราวพระพุทธศาสนาดับขึ้น ตกอยู่ในห้วงอันตราย พระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่งย่อมแสดง อิทธิปาฎิหาริย์ ช่วยกู้พระศาสนาไว้อยู่เสมอ ตัวอย่างมีในพระไตรปิฏก หาอ่านดูได้
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า การแสดงฤทธิ์นั้น เป็นสิ่งจำเป็นอยู่เสมอ ไม่ใช่จะเป็น วิชาต่ำช้า งมงาย ดังปัญญาชน และครูบาอาจารย์บางสำนักประนามเลย ขอจงจำไว้อย่างเดียวว่า ถ้าเราไม่เรียนไม่ฝึกวิปัสสนาแล้ว วิชาอิทธิฤทธิ์ก็ไม่ขวางทางวิปัสสนา หรือไม่ขวางทาง พระนิพพาน แต่ถ้าเราท่านเรียนฝึกวิปัสสนา เพื่อจะเป็นพระอรหันต์ไม่อยู่นิพพานละก็ วิชาอิทธิฤทธิ์ เป็นอุปสรรคขัดขวางความเป็นพระอรหันต์อย่างเต็มทางเลยทีเดียว
"วิชากรรมฐาน 40 วิธีทำให้ได้สมาธิ ณาณสมาบัติ 8 และได้อภิญญา 5 ยังเกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ และพรหมโลกอยู่เสมอ ยกเว้นพระนิพพานเท่านั้น"
****************************** เกี่ยวกับวิถีแห่งรอยสัก ******************************
ยังมีหนุ่มไทยบางกลุ่ม ซึ่งมีความเชื่อใน เรื่องรอยสักยันต์หลงเหลืออยู่ ที่อยากประทับรอยสักไว้บนร่างกาย แม้ด้วยจิต และความศรัทธาแห่งความคิดคำนึงอันแตกต่างกันไปบ้าง ความรู้ ความเชื่อ และประสบการณ์
แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นและได้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นั่นก็คือ คนที่เข้ามารับการสักนั้นต่างให้ศรัทธา และสัจจะในเรื่อง
การทำกรรมดี ละกรรมชั่วถ้วนทั่วทุกตัวคน ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะหาสิ่งใดมาล่อใจให้คนหนุ่มพวกนี้อยากเดินทาง
เข้าวัด เช่นที่พวกเขากำลังกระทำอยู่
นี่คือ ธรรมะนอกระบบ...ที่เกิดขึ้นในจิตใจใฝ่ดีของคนบางคนโดยไม่รู้ตัว
บางคนมาสักแล้วมาสักอีก หากแต่บางคนสักครั้งเดียวก็หายหน้าไปเลย นั่นเป็นเรื่องแห่งวิถีทางที่ไม่มีใครกำหนดได้
รอยสัก....ในวันนี้จึงเป็นมรดกแห่งวัฒนธรรมอันน่าศรัทธาชนิดหนึ่ง ที่แฝงเร้นไปด้วยศาสตร์ต่างๆ มากมาย ทั้งที่พิสูจน์ได้ และยังรอการพิสูจน์ วันพรุ่งนี้ของรอยสัก จะเป็นเช่นไร คงไม่มีใครตอบได้แต่หากมันต้องสูญสลายไปโดยสิ้นเชิงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่ใช่น้อย
หมึกสัก อาจคงทนถาวรอยู่บนเนื้อหนังได้เป็นร้อยปีพันปี แต่ชีวิตและการสืบทอด ศิลปะแห่งพิธีกรรมรอยสักนั้นเล่า
จะยืนยาวอีกเนิ่นนานเพียงไร.....เรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบ
ด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง
opex(oat) บางพระ ศิษย์หลวงพ่อเปิ่น