กะลามหาอุตม์จะพิเศษกว่ากะลาตาเดียวเสียอีก คือกะลาตาเดียวจะมีรูงอก ๑ รู และตาอีก ๑ รู หากกะลามะพร้าวชนิดใดที่มีรูงอกไม่มีรูตาเขาเรียกกันว่า " กะลาตาบอด " แต่ถ้าเป็นกะลามหาอุตม์จะไม่มีทั้งรูงอกและรูตา ทึบหมดทั้งลูก กะลามหาอุตม์ชนิดนี้หาพบยากจริง ๆ คนโบราณถือว่าเป็นของดีที่มีคุณวิเศษหลายอย่างเช่น มหาอุตม์ และโชคลาภรวมทั้งคุณวิเศษด้านอื่น ๆ ที่กะลาตาเดียวจะมี กะลามหาอุตม์ก็มีเช่นนั้นด้วย และจะมีกะลามหาอุตม์ไว้ในครอบครอง
การแกะกะลาอาถรรพ์นี้ ให้เป็นเครื่องรางรูปพระราหู จะมีทั้งการแกะเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์ หรือพระราหูอมพระจันทร์ แต่ส่วนมากมักจะแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์มากกว่า แต่บางทีอาจจะสร้างเป็นแบบอย่างเดียวกันโดยด้านหน้าลงยันต์สุริยะประภาคา ส่วนด้านหลังลงยันต์จันทรประภาคา หรือบางครั้งก็ลงยันต์แยกจากกันคนละอัน อันหนึ่งสร้างเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์ ลงยันต์สุริยะประภาคา ส่วนอีกอันหนึ่งสร้างเป็นราหูอมพระจันทร์ ลงยันต์จันทรประภาคา แล้วเอามาประกบหน้า-หลังกัน เวลาบริกรรมภาวนาคาถาถ้าเป็นเวลากลางคืนก็ใช้คาถาจันทรประภาคาแล้วนำไปใช้ ตำราบอกว่าให้เอาน้ำมันหอม ๙ กลิ่น เจิมรูปพระราหูเสียก่อนจะทำให้มีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น
คุณวิเศษของราหูอมพระอาทิตย์และราหูอมิพระจันทร์นี้ ตำราแตาโบราณกล่าวไว้อย่างน่าทึ่งทีเดียว คือกล่าวไว้ว่า " ผู้ที่สนใจจะทำยันต์ทั้ง ๒ นี้ ให้หากะลามะพร้าวตาเดียวเอามาแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์อย่างหนึ่ง " พระราหูอมพระอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง จึงให้ลงพระยันต์สุริยะประภาคาที่พระอาทิตย์ และลงยันต์จันทรประภาคาที่พระจันทร์ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้เป็นของหาค่ามิได้จะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยากยิ่ง แม้นว่าสมบัติบรมจักรพรรดิก็ดี สมบัติพระอินทร์หรือดวงแก้วมณีโชติก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ได้ ผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศและอยากจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทองก็ให้สร้างขึ้นเถิด เมื่อจะทำพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ให้แต่งเครื่องบัตรพลี ขวัญข้าว ข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เท่ากับกำลังอาสนะขึ้น ๒ ที่ บูชาสักการะด้วยข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียนบูชาพระอาทิตย์ สิ่งละ ๖ ที่ บูชาพระจันทร์สิ่งละ ๑๕ ที่ ให้เลือกเอาวันที่มีฤกษ์ดีหรือวันเพ็ญสุริยะคราส วันจันทคราส เมื่อกระทำนั้นให้ชำระล้างตัวให้บริสุทธิ์สะอาดเสียก่อนแล้วจึงกระทำ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้เวลากลางวันให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาสุริยประภาคา เวลากลางคืนให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เมื่อกระทำแล้วให้เสกด้วยคาถาที่ลงนั้น ๑๐๘ คาบเสร็จแล้วจึงเอายันต์สุริยะประภาคาใส่ในตลับทอง เอายันต์จันทรประภาคาใส่ตลับเงินให้จุณเจิมด้วยแป้งหอม น้ำมันหอมแล้วเอาบูชาไว้เมื่อจะใช้ให้ใช้ตามอุปเท่ห์ดังกล่าวนี้
ถ้าหากท้าวพระยาเจ้านายท่านโกรธให้เอายันต์สุริยะประภาคานั้นจุณเจิมด้วยเครื่องหอม จึงเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคานี้ให้ได้ ๓ ที จึงนำเอาติดตัวไป ท่านเห็นหน้าเข้าหายโกรธเคืองสิ้นแล
ถ้าบริวารหลบหนีไปให้เขียนชื่อผู้ที่หลบหนีไปใส่กระดาษแล้วเอายันต์จันทรประภาคาทับ เสกด้วยคาถาจันทรประภาคาผู้นั้นจะหนีมิพ้นเลย ถึงหนีไปก็กลับคืนมาแล
ถ้าหากภรรยาหรือสามีไม่รักใคร่เอาใจออกห่างคิดจะหนีไป จึงให้เขียนชื่อเขาเข้าเอายันต์จันทรประภาทับเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เขาจะบังเกิดความรักใคร่ไปมิพ้นเราเลย ถึงหย่าร้างกันแล้วก็กลับมาดีกัน
ผิว่าจะปลูกพืชผมให้เจริญงอกงามทุกชนิดจึงให้เอายันต์จันทรประภาคามาเสกด้วยคาถาจันทรประภาคาแล้วให้ดสวดมนต์บทนี้อีกบทหนึ่งคือ " โอม เชยยะสัมปัตติ มหาเชยยะสัมปัตติ เชยยันติ โอมทุเร สวาหะ เลิกมัตคะ สวาหะฯ ๗ ที " แล้วทำจิตให้ดีอธิษฐานเอาเถิดได้ผลงอกงามเจริญนัก
ผิว่าจะเข้าประจัญด้วยข้าศึกให้เอายันต์สุริยะประภาคาจุณเจิมด้วยเครื่องหอมเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคา แล้วจึงนำติดตัวไปด้วยเป็นเครื่องป้องกันอาวุธ หอก ดาบ หน้าไม้ ปืนไฟ หาอันตรายมิได้เลย
จากตำราที่กล่าวเอาได้นี้ จะเห็นได้ว่าเครื่องรางรูปราหูอมพระอาทิตย์ และราหูอมพระจันทร์มีคุณวิเศษแบบที่เรียกได้ว่า คราบจักรวาลเลยทีเดียว เดิมทีนั้นตำราไสยศาสตร์ชนิดนี้เป็นตำราไสยศาสตร์ของเวียงจันทน์ประเทศลาว สืบต่อกันมาก็ได้แพร่หลายเข้ามาสู่ประเทศไทย เมื่อครั้งยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สำนักที่นำเอาวิชาไสยศาสตร์แขนงนี้เข้ามาจากประเทศลาว และได้สร้างเครื่องรางรูปราหูนั้นก็มีแต่วัดศีรษะทอง จังหวัดนครปฐมเท่านั้น ที่สร้างได้โด่งดังและมีชื่อเสียงติดอันดับเครื่องรางของประเทศไทย ราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทอง ท่านแกะขึ้นตาบแบบตำราทุกประการมีทั้งลูกศิษย์ทั้งฆราวาส ทั้งพระสงฆ์ ชาวบ้านหลายคนมาช่วยกันแกะจึงทำให้รูปราหูอมจันทร์ของท่านมีหลายฝีมือ ราหูอมจันทร์บางอันแกะเป็นรูปใบเสมาขนาดเล็กใช้สำหรับห้อยคอ และมีขนาดใหญ่ไปจนถึงแบบชนิดบูชาที่เรียกกันว่า " สามเกลอ " เพราะเป็นการเอากะลาตาเดียวทั้งลูกมาแกะเป็นรูปราหูอมจันทร์ ๓ หน้า เมื่อแกะเสร็จแล้วก็จะนำไปให้หลวงพ่อน้อยท่านปลุกเสกและลงเหล็กจาร
สำหรับราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อย เท่าที่เห็นมาจะมีการลงเหล็กจารกำกับไว้ทุกอันบางอันลงเหล็กจารน้อย บางอันลงเหล็กจารหลายตัว อักขระที่ลงจารในราหูอมจันทร์ก็เป็นตัวหนังสือขอมลาว ไม่เหมือนกับตัวหนังสือขอมไทยที่เราพบเห็นกันโดยทั่วไป เพราะต้นตำรับของวิชานี้มีต้นตอมาจากเวียงจันทน์ การที่ราหูของพลวงพ่อน้อยมีรอยเหล็กจารหลายท่านมีที่หลวงพ่อน้อยลงเอง มีทั้งลูกศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์ท่านช่วยลงให้ ถ้าเป็นราหูอมจันทร์ที่หลวงพ่อน้อยท่านลงเหล็กจารเองตัวอักขระจะมีน้อยไม่ค่อยเป็นระเบียบ รอยจารไม่ค่อยลึกและคมชัด เพราะการลงเหล็กจารท่านจะเลือกลงให้แต่เฉพาะในระยะเวลาที่เกิดสุริยคราส และจันทรคราส ซึ่งมีระยะเวลาอันสั้นท่านจึงเลือกลงแต่อักขระที่เป็นหัวใจคาถาที่สำคัญเท่านั้น แต่ถ้ามีคนแกะราหูอมจันทร์มาให้ท่านจำนวนมากก็จะมอบให้ศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์เป็นผู้ลงเหล็กจารแทน ซึ่งรอยจารของลูกศิษย์ท่านมักจะลงอักขระหลายตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยและรอยจารคมลึกชัดเจน ฉะนั้นราคาในการเล่นหาโดยทั่วไป เขาจึงให้ความนิยมกับราหูอมจันทร์ที่มีรอยเหล็กจารน้อยตัว และไม่ค่อยเป็นระเบียบไม่ลึกคมชัด เพราะเป็นรอยเหล็กจารของหลวงพ่อน้อย
ส่วนประสบการณ์ของราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อยที่ได้รับฟังมา มีหลายทางทีเดียวคือ
๑. คงกระพัน
๒. ป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย์ ภูติผีปิศาจ
๓. เมตตามหานิยม
๔. ทำน้ำมนต์อาบกินแก้โรคภัยไข้เจ็บ
๕. โชคลาภ
๖. ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
๗. กำบังกาย
วันนี้ก็ขอจบเรื่องกะลามหาอุต และตาเดียว เลยละกันนะครับผม
ให้เครดิสเจ้าของข้อความกะลามหาอุตโดย devalai ขอบคุณครับผม